ออสเตรเลีย บังคับสวมหน้ากากอนามัยในสถานที่สาธารณะ ปิดสถานบันเทิง สกัดไวรัสโอไมครอน

23 ธันวาคม 2564, 16:40น.


          สองรัฐที่มีประชากรมากที่สุดของออสเตรเลีย คือ รัฐนิวเซาท์เวลส์ และรัฐวิกตอเรีย ประกาศยกระดับการควบคุมโรคโควิด-19 ให้เข้มข้นยิ่งขึ้น เช่น การบังคับสวมหน้ากากอนามัยในสถานที่สาธารณะ เพื่อสกัดการระบาดของไวรัสโอไมครอน เริ่มมีผลจากวันนี้ไปจนถึงสิ้นเดือนมกราคมปีหน้า



          ขณะที่นักขับขี่หลายพันคนขับรถผ่านจุดตรวจโรคแบบไดร์ฟทรู เพื่อนำผลตรวจไปยื่นต่อหน่วยงานท้องถิ่นในกรณีเดินทางข้ามเขตแดนระหว่างรัฐไปเที่ยวในช่วงเทศกาลคริสต์มาส



          นายโดมินิก เพอร์รอตเท็ต มุขมนตรีรัฐนิวเซาท์เวลส์ ระบุว่า รัฐนิวเซาท์เวลส์ ซึ่งมีประชากร 17 ล้านคนได้ออกมาตรการอื่นๆเช่น ให้ผู้ประกอบการลดจำนวนลูกค้าในร้านค้า และแนะนำผู้ประกอบการให้ลูกค้า ใช้วิธีสแกนคิวอาร์โค้ด เมื่อเข้าไปยังร้านค้า เพื่อความสะดวกในการติดตามตัวกรณีพบว่าลูกค้าเป็นผู้ป่วย หรือเป็นกลุ่มเสี่ยงที่ต้องกักตัวเฝ้าระวัง



          ด้านรัฐวิกตอเรีย  ซึ่งมีประชากรมากพอๆกัน ออกมาตรการบังคับให้ประชาชนใส่หน้ากากอนามัยในสถานที่สาธารณะเช่นเดียวกัน เพื่อลดการแพร่ระบาด



          การเปลี่ยนแปลงนโยบาย เพียง 2 วันก่อนวันคริสต์มาสเช่นนี้ กระทบต่อการวางแผนเดินทางของประชาชนในช่วงเทศกาลคริสต์มาส ทั้งสวนทางกับแผนเปิดประเทศอย่างถาวร หลังใช้วิธีการล็อกดาวน์ และปลดล็อกดาวน์ วนเวียนอยู่อย่างนี้มาแล้วเกือบ 2 ปี เพื่อลดการแพร่ระบาด



          ส่วนรัฐอื่นๆเช่น รัฐเวสเทิร์น ออสเตรเลีย สั่งปิดสถานบันเทิง เช่น ไนต์คลับ เริ่มจากเวลา 18.00 น.ของวันนี้ไปจนถึงเวลา 06.00 น.ของวันอังคารที่ 28 ธันวาคมนี้ ห้ามประชาชนจัดงานรวมกลุ่มของคนหมู่มาก ห้ามจัดงานรื่นเริง เช่น การเต้นรำและบังคับให้ประชาชนสวมหน้ากากอนามัยในเมืองเพิร์ธ หลังตรวจพบนักท่องเที่ยวชาวฝรั่งเศสคนหนึ่งติดไวรัสเดลตา จากการสอบสวนโรค เจ้าหน้าที่สาธารณสุขของรัฐเวสเทิร์น ออสเตรเลีย ทราบว่า นักท่องเที่ยวดังกล่าวไปเที่ยวในสถานบันเทิงและเข้าไปยังสถานที่สาธารณะหลายแห่งในเมืองเพิร์ธ



          ส่วนสถานการณ์การแพร่ระบาดในวันนี้ ออสเตรเลียพบผู้ป่วยใหม่กว่า 8,200 คน ตัวเลขผู้ป่วยสะสมอยู่ที่ 273,075 คน เสียชีวิต 2,173 ราย โดยรัฐนิวเซาท์เวลส์และรัฐวิกตอเรีย เป็นศูนย์กลางการแพร่ระบาด



#ออสเตรเลีย



#ไวรัสโอไมครอน

ข่าวทั้งหมด

X