นายกรัฐมนตรี โอลาฟ ชอลซ์ แห่งเยอรมนี ที่เพิ่งจะรับตำแหน่งได้เพียงสัปดาห์เดียวกำลังเผชิญกับการต่อต้านการฉีดวัคซีนป้องกันโควิด-19 ที่มีความรุนแรงขึ้นเรื่อยๆ ซึ่งตำรวจเยอรมนี ระบุว่า พบการข่มขู่และคุกคามเพิ่มขึ้น ทั้งต่อนายกรัฐมนตรี และนักการเมืองที่มีนโยบายสนับสนุนการฉีดวัคซีน ไปจนถึงการทำร้ายร่างกายแพทย์ และผู้สื่อข่าว
นายกรัฐมนตรีเยอรมนี กล่าวว่า เขาเห็นด้วยกับการบังคับฉีดวัคซีน และกำลังอยู่ในระหว่างการร่างกฎหมายเพื่อนำเข้าสู่ที่ประชุมรัฐสภา เพื่อให้มีการอภิปรายและลงมติซึ่งคาดว่าจะมีขึ้นในช่วงปลายเดือนกุมภาพันธ์ แต่ในเบื้องต้นนี้ การฉีดวัคซีนจะมีผลบังคับใช้ตั้งแต่วันที่ 16 มีนาคม เฉพาะผู้ที่ทำงานในโรงพยาบาลและสถานพยาบาล ซึ่งในระหว่างการประชุมรัฐสภา นายกรัฐมนตรีเยอรมนี กล่าวตำหนิการกระทำของกลุ่มผู้ต่อต้านวัคซีน ที่เป็นคนส่วนน้อยซึ่งเต็มไปด้วยความเกลียดชัง และกำลังโจมตีทุกคนด้วยการเดินขบวน มีการใช้ความรุนแรง และขู่ฆ่า เป็นการปฏิเสธความเป็นจริงแล้วสร้างทฤษฎีสมคบคิดที่ไร้สาระ มีการบิดเบือนข้อมูล โดยย้ำว่า กลุ่มบุคคลที่มีแนวคิดรุนแรงกลุ่มเล็กๆ นี้ไม่เพียงแต่หันหลังให้กับวิทยาศาสตร์ ความมีเหตุมีผล และสามัญสำนึกเท่านั้น แต่ยังเพิกเฉยต่อสังคม ประชาธิปไตย และชุมชนด้วย
เมื่อเช้าวันพุธ (15 ธ.ค.) ตามเวลาท้องถิ่น ตำรวจเยอรมนีจับกุมผู้ต้องสงสัยชาวเยอรมัน 6 คนและตรวจค้นบ้านและอาคารหลายแห่งในเมืองเดรสเดน ตามที่พบแผนลอบสังหารผู้ว่าการรัฐแซกโซนีที่เป็นหนึ่งในผู้สนับสนุนการฉีดวัคซีน แต่หลังจากการสอบสวนเจ้าหน้าที่ก็ปล่อยตัวไป อย่างไรก็ตามผู้ว่าการรัฐ ประณามกลุ่มผู้วางแผนก่อเหตุ พร้อมระบุว่า ถึงเวลาที่จะต้องจัดการ และปกป้องประชาธิปไตย และเรียกร้องให้หยุดการใช้สื่อสังคมออนไลน์เพื่อสร้างความแตกแยก และการดูหมิ่น ซึ่งเขาย้ำความสำคัญของการฉีดวัคซีนบูสเตอร์ และวัคซีนให้กับเด็กเพื่อหยุดการแพร่ระบาด เนื่องจากแซกโซนีเป็นรัฐที่มีอัตราการติดเชื้อโควิดรายใหม่สูงเป็นอันดับ 2 ประเทศและมีอัตราการฉีดวัคซีนน้อยที่สุด
....
#เยอรมนี
#วัคซีนโควิด