คณะที่ปรึกษาเกี่ยวกับแนวปฏิบัติการฉีดวัคซีน ของศูนย์ควบคุมและป้องกันโรคแห่งสหรัฐอเมริกา หรือซีดีซี ลงมติเป็นเอกฉันท์แนะนำให้ชาวอเมริกันสามารถเลือกรับวัคซีนป้องกันโควิด-19 ชนิด mRNA ของโมเดอร์นา หรือ ไฟเซอร์ ซึ่งเป็นวัคซีนชนิด 2 โดสแทนวัคซีนของจอห์นสันแอนด์จอห์นสัน ซึ่งเป็นวัคซีนชนิด 1 โดสได้ สืบเนื่องมาจากการเกิดอาการลิ่มเลือดอุดตัน (thrombocytopenia syndrome : TTS) แม้จะเป็นอาการที่เกิดขึ้นได้ยากแต่ในบางกรณีก็ทำให้เสียชีวิต
มตินี้ ยังต้องรอการลงนามรับรองโดย ดร.โรเชลล์ วาเลนสกี ผู้อำนวยการซีดีซี เพื่อให้เป็นการออกคำแนะนำอย่างเป็นทางการของหน่วยงาน
ชาวอเมริกันมากกว่า 200 ล้านคนได้รับการฉีดวัคซีนครบถ้วนแล้ว แต่มีประมาณ 16 ล้านคนที่ใช้วัคซีนของจอห์นสันแอนด์จอห์นสัน โดยรายงานการเกิดอาการลิ่มเลือด พบในกลุ่มผู้หญิงอายุน้อยกว่า 50 ปี จำนวนมากกว่า 50 คน หรือคิดเป็นสัดส่วนประมาณ 3.83 รายต่อการฉีดวัคซีน 1 ล้านโดส และผู้เสียชีวิต 9 ราย
นอกจากนี้ คณะที่ปรึกษายังระบุด้วยว่าวัคซีนของจอห์นสันแอนด์จอห์นสันมีประสิทธิภาพในการป้องกันโควิด-19 น้อยกว่าวัคซีนอีก 2 ชนิดที่มีการใช้งานในสหรัฐฯ
อย่างไรก็ตาม ในการนำเสนอรายงานต่อคณะที่ปรึกษา นักวิทยาศาสตร์ด้านวัคซีนของจอห์นสันแอนด์จอห์นสัน ยืนยันว่า วัคซีนสามารถสร้างการตอบสนองทางภูมิคุ้มกันที่แข็งแกร่งและยาวนานด้วยการฉีดเพียงครั้งเดียว ทั้งยังมีความเหมาะสมต่อกลุ่มประชาชนในพื้นที่ห่างไกลที่มีความไม่สะดวกในการเดินทาง และผู้ที่อยู่ในพื้นที่เข้าถึงยาก
วัคซีนของจอห์นสันแอนด์จอห์นสันได้รับอนุมัติให้ใช้ในกรณีฉุกเฉินเมื่อปลายเดือนกุมภาพันธ์ แต่ในเดือนเมษายน หน่วยงานกำกับดูแลของสหรัฐฯ มีคำสั่งหยุดการให้วัคซีนเป็นเวลา 10 วัน เพื่อตรวจสอบการเกิดอาการลิ่มเลือดและเกล็ดเลือดต่ำ แต่นักวิทยาศาสตร์ของซีดีซี ระบุว่า อัตราการเสียชีวิตจากอาการลิ่มเลือดยังไม่ลดลงหลังจากนั้น
...
#สหรัฐอเมริกา
#วัคซีนโควิด