การขับเคลื่อนธุรกิจไทยสู่ความยั่งยืนตามมาตรฐานสากลพล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี กล่าวว่า ประเทศควรมีการวางวิสัยทัศน์ประเทศไทยให้ มั่นคง มั่งคั่ง ยั่งยืน โดยจะต้องสร้างคุณธรรม จริยธรรม และการรู้หน้าที่ของตัวเอง ให้กับบุคลากรของทุกองค์กร ขณะเดียวกันผู้ที่ทำธุรกิจ ก็ต้องดูแลผู้มีรายได้น้อย ซึ่งในประเทศไทยมีบุคคลที่มีฐานะปานกลางถึงร้อยละ 60 และผู้มีรายได้น้อยรวมถึงเกษตรกรร้อยละ 30 ดังนั้นทุกภาคส่วนควรที่จะต้องช่วยกันผลักดันให้ประเทศสามารถเดินหน้าและก้าวข้ามความขัดแย้งต่างได้ นายกฯ ระบุว่า การเข้ามาทำงานของรัฐบาลมีปัญหาต่างๆมากมากมาย ทั้งเรื่อง ปัญหาเศรษฐกิจ และปัญหาความขัดแย้งของคน พระ ฆราวาส และความเดือดร้อน ซึ่งหลังจากที่รัฐบาลได้มีการตั้งศูนย์ดำรงธรรมในการรับเรื่องราวร้องทุกข์ต่างๆ ก็มีประชาชนเข้ามาร้องมากกว่า 2แสนเรื่อง ซึ่งสามารถแก้ไขปัญหาไปได้แล้วกว่าร้อยละ 90นอกจากนี้นายกฯ ระบุถึงปัญหาความขัดแย้งทางการเมือง ว่าควรเข้าสู่กระบวนการยุติธรรม และตัวเองก็พร้อมที่จะเป็นพยานให้นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ อดีตนายกรัฐมนตรี โดยจะส่งเป็นเอกสาร ให้แก่สำนักงานป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ หรือ ป.ป.ช.และขอให้ความมั่นใจแก่ทุกฝ่ายที่เข้าสู่กระบวนการยุติธรรมว่าจะได้รับความเป็นธรรมอย่างไรก็ตาม นายกฯ ยังได้เชิญชวน นักธุรกิจให้เข้ามาลงทุนในโครงการต่างๆของรัฐบาล เพื่อร่วมกันพัฒนาประเทศ พร้อมพูดติดตลก ว่าหากไม่เข้าร่วมก็จะใช้อำนาจพิเศษตามมาตรา 44 รวมถึงขอให้เอกชนเข้ามา ช่วยสนับสนุนการขุดลอกคูคลองลาดพร้าว ซึ่งรัฐบาลมีงบประมาณเพียง 2พันล้านบาท ซึ่งไม่พอกับการแก้ปัญหา ทั้งนี้ตลอดการกล่าวปาฐกถากว่า 1 ชั่วโมง พล.อ.ประยุทธ์ อารมณ์ดีมาก
วิรวินท์