ความรุนแรงของไวรัสโควิด-19สายพันธุ์โอไมครอน มีความรุนแรงมากขึ้น จนทำให้มีผู้เสียชีวิตแล้ว ล่าสุด นายกรัฐมนตรีบอริส จอห์นสัน ของอังกฤษยืนยันในวันนี้ว่า มีผู้ป่วยโควิด-19 รายหนึ่งในอังกฤษได้เสียชีวิตลง หลังติดเชื้อไวรัสสายพันธุ์โอไมครอน ซึ่งถือเป็นการทำลายความเชื่อเดิมที่ว่า ไวรัสโอไมครอนจะไม่ทำให้ผู้ป่วยเกิดอาการรุนแรงจนเสียชีวิต ทำให้ในขณะนี้ อังกฤษกำลังเผชิญกับ "คลื่นยักษ์" ของไวรัสโควิด-19 สายพันธุ์โอไมครอน และวัคซีน 2 โดสไม่เพียงพอที่จะควบคุมไวรัสสายพันธุ์ดังกล่าว พร้อมกับกล่าวว่ารัฐบาลอังกฤษกำลังเร่งโครงการปูพรมฉีดวัคซีนเข็มบูสเตอร์ให้กับประชาชน
ด้านมหาวิทยาลัยออกซ์ฟอร์ดของอังกฤษออกรายงานระบุว่า การฉีดวัคซีนต้านโควิด-19 ของบริษัทไฟเซอร์ หรือแอสตร้าเซนเนก้า จำนวน 2 เข็ม อาจไม่สามารถป้องกันการติดเชื้อไวรัสโควิด-19 สายพันธุ์โอไมครอน รายงานที่ออกมาครั้งนี้ สนับสนุนผลการศึกษาของสำนักงานความมั่นคงด้านสุขภาพของอังกฤษ (HSA) ที่พบว่า การฉีดวัคซีนไฟเซอร์ หรือแอสตร้าเซนเนก้า จำนวน 2 เข็มให้ประสิทธิภาพต่ำในการป้องกันอาการของโรคโควิด-19 จากสายพันธุ์โอไมครอน เมื่อเทียบกับการป้องกันสายพันธุ์เดลตา
นอกจากนี้ รายงานของออกซ์ฟอร์ดยังระบุว่า การพัฒนาวัคซีนเพื่อให้ป้องกันสายพันธุ์โอไมครอน อาจทำให้วัคซีนดังกล่าวมีประสิทธิภาพลดลงในการป้องกันสายพันธุ์เดลตา รายงานเตือนว่า มีแนวโน้มที่จำนวนผู้ติดเชื้อโควิด-19 จะเพิ่มสูงขึ้น ทั้งจากกลุ่มผู้ที่ได้รับวัคซีนครบโดสมาแล้ว และผู้ที่เคยติดเชื้อโควิด-19 ดังนั้นรัฐบาลควรให้ความสำคัญในการฉีดวัคซีนให้แก่ผู้ที่ยังไม่เคยได้รับวัคซีนมาก่อน รวมทั้งการฉีดเข็มกระตุ้นสำหรับผู้ที่ได้รับวัคซีนครบโดสแล้ว
#โอไมครอนรุนแรง
#วัคซีนที่มีอยู่รับมือไม่ได้