ดร.เบร็ตต์ กีธแมน ผู้ตรวจการโรงเรียนประจำพื้นที่การศึกษา ลาร์ค สเปอร์-คอร์เต มาเดรา เขตมาริน เคาน์ตี (Marin County) รัฐแคลิฟอร์เนีย สหรัฐฯเปิดเผยว่า การตัดสินใจของผู้ปกครองจากครอบครัวหนึ่งส่งลูกไปยังโรงเรียนประถมศึกษานีล คัมมินส์(Neil Cummins)ในอำเภอ คอร์เต มาเดรา(Corte Madera) ทั้งๆที่ทราบว่าลูกมีผลตรวจโรคโควิด-19 เป็นบวกเมื่อวันที่ 8 พฤศจิกายน ทำให้เกิดการระบาดแบบคลัสเตอร์ในโรงเรียน มีผู้ป่วยรวม 8 คน
ทั้ง 8 คนได้แก่ ลูก 1 คนของผู้ปกครองดังกล่าว นักเรียนอีก 1 คนที่เป็นญาติกับครอบครัวนั้น เจ้าหน้าที่อีก 3 คนของโรงเรียนและนักเรียนคนอื่นๆอีก 3 คน พร้อมทั้งทำให้เพื่อนร่วมห้อง 75 คนถูกกักตัว 10 วัน ตั้งแต่วันที่ 19 พฤศจิกายน ระบุว่า ผู้ปกครองทราบว่าลูกของตนเองติดโรคโควิด-19 แต่ยังคงปล่อยให้ลูกไปโรงเรียนต่อไปอีก 7 วัน
ด้านนายแพทย์แมตต์ วิลลิส เจ้าหน้าที่สาธารณสุขของเขตมาริน เคาน์ตี ระบุว่าสำนักงานสาธารณสุขท้องถิ่นได้ประสานให้โรงเรียนกักตัวกลุ่มเสี่ยงคือ นักเรียนที่เป็นเพื่อนร่วมห้องของนักเรียนที่ติดโรคโควิด-19 เพิ่มเติมว่ากรณีนี้ แสดงให้เห็นว่า ผู้ปกครองไม่ได้แจ้งข้อมูลที่ถูกต้องกับโรงเรียน ทำให้เสี่ยงที่จะแพร่ระบาดโควิด-19 ในโรงเรียน และเข้าข่ายการทำผิดทั้งระเบียบปฏิบัติของสถานศึกษาและกฎหมายควบคุมการระบาดของโรคโควิด-19 ของสหรัฐฯ ซึ่งกำหนดว่าในกรณีใกล้ชิดกับผู้ป่วย นักเรียนที่เป็นกลุ่มเสี่ยงจะถูกกักตัว 10 วัน
ในกรณีนี้นักเรียนและผู้ปกครองอาจจะถูกดำเนินคดีอาญา หรือถูกปรับ เนื่องจากเป็นความผิดร้ายแรง ตำรวจอาจจะสอบสวนและส่งเรื่องให้อัยการประจำอำเภอพิจารณาสั่งฟ้องคดีด้วย
#สหรัฐฯ
#คลัสเตอร์ในโรงเรียน