นายแพทย์ธเรศ กรัษนัยรวิวงค์ อธิบดีกรมสนับสนุนบริการสุขภาพ (สบส.) กระทรวงสาธารณสุข เปิดเผยว่า แม้ปัจจุบันสถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 หรือ COVID-19 ในประเทศไทยจะมีแนวโน้มที่ลดลง แต่ยังไม่สามารถไว้วางใจได้ ด้วยความกังวลในโควิดสายพันธุ์ใหม่ “โอไมครอน” (Omicron) ประกอบกับการเปิดภาคเรียนของเด็กนักเรียน ที่ทำให้เกิดกิจกรรมการรวมกลุ่มของนักเรียน อาจทำให้เกิดการแพร่ระบาดของโรคโควิด-19 ระลอกใหม่ได้
จากการเก็บข้อมูลจากนักเรียนที่กำลังศึกษาระดับมัธยม ซึ่งมีพฤติกรรมล้อมวงรับประทานอาหารร่วมกันกับเพื่อน และคนในครอบครัว ใน 19 จังหวัด จำนวน 14,387 คน ระหว่างวันที่ 1-25 พฤศจิกายน 2564 โดยกองสุขศึกษา กรม สบส.พบความคิดเห็น 5 อันดับแรก ซึ่งเป็นสาเหตุให้นักเรียนเลือกรับประทานอาหารร่วมกัน ดังนี้
1) เป็นวัฒนธรรมที่เคยชิน ร้อยละ 68.47
2) เป็นคนใกล้ชิด ร้อยละ 68.19
3) เป็นการสร้างความสัมพันธ์ที่ดี ร้อยละ 63.57
4) ประเภทอาหารที่กินเอื้อต้องให้กินร่วมกัน ร้อยละ 56.82
5) กินอาหารร่วมกันช่วยเพิ่มความสนุกสนาน ร้อยละ 53.87
อาหารที่นักเรียนส่วนใหญ่รับประทานร่วมกับเพื่อนหรือครอบครัว ได้แก่ หมูกระทะ สุกี้ ร้อยละ 56.8 ซึ่งถือว่าเป็นพฤติกรรมเสี่ยงต่อโรคโควิด-19
กุญแจสำคัญในการผลักดันให้เยาวชนเกิดการปรับเปลี่ยนความคิดเห็น ลด ละ เลิก แนวคิด ในการร่วมวงรับประทานอาหารร่วมกันนั้น ทั้งภาครัฐ สถาบันการศึกษา และครอบครัว จะต้องร่วมให้ความรู้ ความเข้าใจ ถึงความเสี่ยง และอันตรายจากการรับประทานอาหารร่วมกันที่อาจจะทำให้มีการแพร่กระจายของโรคโควิด-19
มีการปฏิบัติตัวเป็นแบบอย่าง พร้อมแนะนำวิธีปฏิบัติตัวที่ถูกต้อง ให้นักเรียน/บุตร หลาน มีการเว้นระยะห่างในการรับประทานอาหาร ไม่ใช้ภาชนะร่วมกัน ล้างมือให้สะอาด รับประทานอาหารสุกใหม่ และแยกสำรับอาหารเฉพาะแต่ละคน เกิดการตั้งสติคิดว่าทุกคนคือผู้ติดเชื้อ จนนักเรียน/บุตร หลาน มีการปรับเปลี่ยนความคิดเห็น และพฤติกรรมสุขภาพให้ถูกต้องเหมาะสมกับวิถีชีวิตใหม่ที่ห่างไกลโรคโควิด-19
....
ที่มา fb กรมสนับสนุนบริการสุขภาพ สบส. กระทรวงสาธารณสุข
#สบส
#โควิด19