นายทาเคชิ คาไซ ผู้อำนวยการองค์การอนามัยโลก(WHO)ประจำภูมิภาคแปซิฟิกตะวันตก แนะนำให้ทุกประเทศและชุมชนในแถบเอเชีย-แปซิฟิก เพิ่มขีดความสามารถด้านสาธารณสุขให้สูงขึ้น เร่งกระจาย- ฉีดวัคซีนให้ครบโดส โดยเฉพาะกลุ่มเสี่ยง เข้มมาตรการควบคุมโรคเช่น รณรงค์ให้ประชาชนสวมหน้ากากอนามัย การเว้นระยะห่างทางสังคม เพื่อต่อสู้กับไวรัสสายพันธุ์โอไมครอน ซึ่งมีแนวโน้มแพร่ระบาดอย่างรวดเร็ว
นายคาไซ กล่าวว่า มาตรการจำกัดการเดินทางเช่น ห้ามผู้โดยสารจากพื้นที่เสี่ยงในแอฟริกาเข้าประเทศอาจจะช่วยยื้อเวลาได้สักระยะหนึ่งเท่านั้น ไม่ใช่แนวทางที่จะสกัดการแพร่ระบาดได้อย่างสิ้นเชิง
แม้ว่าจะปิดชายแดนมาตั้งแต่เดือนมีนาคมปีที่แล้ว ทั้งห้ามประชาชนจากพื้นที่เสี่ยงสูงในแอฟริกาเข้าประเทศ แต่ออสเตรเลีย เป็นประเทศล่าสุดที่พบการแพร่เชื้อไวรัสโอไมครอนในท้องถิ่น ในปัจจุบัน ออสเตรเลียพบผู้ป่วยเชื้อไวรัสโอไมครอนรวม 9 คน โดยเฉพาะรายที่ 9 ไม่เคยไปยังทวีปแอฟริกา แต่นั่งเครื่องบินโดยสารจากกรุงโดฮา กาตาร์ มายังนครซิดนีย์เมื่อวันที่ 23 พฤศจิกายน
ส่วนประเทศอื่นๆเช่น สหรัฐฯพบผู้ป่วยจากไวรัสโอไมครอนรวม 9 คนใน 5 รัฐคือ รัฐแคลิฟอร์เนีย (1 คน)รัฐมินเนโซตา(1 คน) รัฐโคโลราโด (1 คน)รัฐนิวยอร์ก(5 คน) และรัฐฮาวาย(1 คน) โดยเฉพาะคนไข้ในรัฐฮาวายไม่เคยเดินทางไปต่างประเทศ นับเป็นการติดเชื้อไวรัสในท้องถิ่น
นอกจากนี้ มีรายงานพบผู้ป่วยโอไมครอนในเกาหลีใต้(1 คน) สิงคโปร์(2 คน) มาเลเซีย(1 คน)และอินเดีย(2 คน) ขณะที่รัฐบาลของหลายประเทศเริ่มคุมเข้มมาตรการเดินทาง ห้ามประชาชนจากพื้นที่เสี่ยงทางตอนใต้ของทวีปแอฟริกา เช่น แอฟริกาใต้ เดินทางเข้าประเทศ เพื่อสกัดการแพร่ระบาด
#WHO
#ไวรัสโอไมครอน