สถานการณ์ในจังหวัดชายแดนภาคใต้ ก่อนการประชุมสภากลาโหม พล.อ.ประวิตร วงศ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม กล่าวว่า ในที่ประชุมจะเน้นย้ำให้เหล่าทัพดูแลรักษาความปลอดภัยทั่วทั้งประเทศ โดยเฉพาะในพื้นที่ 3 จังหวัดชายแดนภาคใต้ หลังจากที่ผู้ก่อความไม่สงบลอบวางระเบิด ต้องดูว่าสาเหตุมาจากตรงไหนจนทำให้เล็ดลอดเข้ามาก่อเหตุได้ พร้อมเน้นย้ำไปกับ ผู้บัญชาการเหล่าทัพไปดูแล โดยเฉพาะด่านตรวจ และจุดตรวจในทุกพื้นที่ต้องเพิ่มความเข้มงวดมากขึ้น โดยเฉพาะเรื่องการตรวจสอบยานพาหนะที่สัญจรไปมามากขึ้น
อย่างไรก็ตาม เหตุการณ์ดังกล่าวจะไม่กระทบต่อการพูดคุยสันติสุข เพราะขณะนี้มีการตั้งคณะกรรมการหลายระดับ ตั้งแต่ระดับพื้นที่ ไปถึงระดับบริหาร และระดับรัฐบาล เพราะต้องการให้ทุกส่วนเข้ามามีส่วนร่วม เพื่อความสงบสุขอย่างแท้จริง ส่วนการเปิดเวทีพูดคุยเพื่อสันติสุขครั้งแรกนั้น ยังไม่ได้กำหนด เพราะต้องให้เวลากับทางมาเลเซีย ซึ่งเป็นผู้อำนวยความสะดวก ในการกำหนดรายละเอียดกลุ่มคนที่มาพูดคุยกับเรา พร้อมต้องพิสูจน์ว่าเป็นตัวจริงหรือไม่ เพราะเราต้องการคุยกับคนที่เป็นผู้ควบคุมผู้ที่ก่อเหตุรุนแรงในพื้นที่ได้ และก่อนที่จะมีการพูดคุยก็ต้องแสดงให้เราเห็นว่าสถานการณ์ในพื้นที่มีความสงบ รวมถึงหากมีการก่อเหตุอยู่การพูดคุยสันติสุข ก็ยังพูดคุยกันไม่ได้ เพราะนั่นเป็นการแสดงว่าคนที่จะมาพูดคุยไม่มีอำนาจในการควบคุมการก่อเหตุในพื้นที่
ส่วนกรณี ร่าง พ.ร.บ.การชุมนุมในที่สาธารณะที่เข้าสู่การพิจารณาของสภานิติบัญญัติแห่งชาติ ที่เกรงกันว่าจะลิดรอนสิทธิเสรีภาพของประชาชนในการแสดงออก รองนายกฯฝ่ายความมั่นคงกล่าวว่า ทุกอย่างต้องทำไม่ให้มีการลิดรอน การดำเนินการดังกล่าวก็เพื่อต้องการให้เกิดความชัดเจนและเป็นสากล จะไปทำนอกคอกอย่างนั้นได้อย่างไร ต้องไปดูว่าในต่างประเทศทำกันอย่างไร ซึ่งในทุกประเทศมีพระราชบัญญัติลักษณะนี้ แต่ประเทศไทยยังไม่มี
ร่างกฎหมายดังกล่าวจะกำหนดพื้นที่การชุมนุม และพื้นที่ห้ามชุมนุม ตลอดจนระยะเวลา ข้อเรียกร้อง รวมถึงสาเหตุการชุมนุมว่าสมเหตุสมผลหรือไม่ ไม่ใช่ใครจะนึกว่าจะมาชุมนุมก็มา จะใช้พื้นที่ใดก็ใช้ ต้องทำให้ถูกกฎระเบียบ ซึ่งร่างพระราชบัญญัติดังกล่าวต้องเกิดขึ้น และยืนยันว่าไม่ได้เพิ่มอำนาจให้เจ้าหน้าที่มากขึ้น แต่การที่มาชุมนุมในเรื่องใดเรื่องหนึ่ง ต้องมีเหตุและผล ต้องไม่กีดขวางการจราจร หรือกระทบบุคคลอื่น ผู้ที่ชุมนุมต้องไปอยู่ในพื้นที่ที่รัฐกำหนดให้
พล.อ.ประวิตร ยืนยันว่า กรณีนายสมศักดิ์ เจียมธีรสกุล อดีตอาจารย์คณะศิลปศาสตร์ มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ ถูกให้ออกจากราชการเป็นเพราะทหารกดดันอย่างหนักหลังการรัฐประหารว่า ความเป็นจริงแล้วเป็นไปตามกฎระเบียบของมหาวิทยาลัย ไม่ได้เกี่ยวข้องกับคณะรักษาความสงบแห่งชาติ( คสช.)หรือทหารแต่อย่างใด ขณะนี้ทหารเข้ามาดูแลความสงบเรียบร้อยเท่านั้น กลับกลายเป็นคนถูกโจมตี ซึ่งการดำเนินการของมหาวิทยาลัยเป็นไปตามกฎ ระเบียบ และกฎหมาย หากไม่มีตรงนี้ก็ไม่สามารถทำได้
แฟ้มภาพ