โควิด-19 กับการตรวจหาเชื้อสายพันธุ์โอไมครอน ต้องทำได้อย่างรวดเร็ว นพ.ยง ภู่วรวรรณ หัวหน้าศูนย์เชี่ยวชาญเฉพาะทางด้านไวรัสวิทยาคลินิก ภาควิชากุมารเวชศาสตร์ คณะแพทยศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย โพสต์ข้อความผ่านเฟซบุ๊ก Yong Poovorawan ย้ำว่าการตรวจวินิจฉัยมีความจำเป็นที่จะต้องพัฒนาให้ได้อย่างรวดเร็ว
กลุ่มผู้ป่วยที่ต้องสงสัยและจำเป็นต้องตรวจหาสายพันธุ์โอไมครอน คือ
-กลุ่มผู้ป่วยที่เดินทางมาจากต่างประเทศทุกคน
-ผู้ฉีดวัคซีนครบแล้วติดเชื้อ
-ผู้ที่เคยป่วยแล้วติดเชื้อซ้ำ
-ผู้ป่วยที่มีภูมิคุ้มกันบกพร่อง
-ผู้ป่วยที่มีอาการรุนแรง
-การระบาดใน cluster ควรสุ่มตัวอย่างในคลัสเตอร์มาตรวจทุกคลัสเตอร์
การถอดรหัสพันธุกรรมสำหรับประเทศไทยจะต้องทำเพิ่มขึ้น และมีการสุ่มหลากหลายในประชากร งบประมาณในส่วนนี้ จำเป็นจะต้องใช้เพิ่มขึ้น เพื่อการเฝ้าระวังและควบคุมการระบาดในประเทศไทย และมีความจำเป็นที่ต้องทำอย่างรวดเร็วด้วย
การตรวจวินิจฉัยจึงมีความจำเป็นที่จะต้องพัฒนาให้ได้อย่างรวดเร็ว ในต่างประเทศ ชุดตรวจที่มีการตรวจยีน S หรือ ยีนหนามแหลมสไปท์ ร่วมกับการตรวจยีนอื่น และถ้าให้ผลบวกต่อยีนอื่น โดยให้ผลลบต่อยีนหนามแหลมสไปท์ ที่มีการเปลี่ยนแปลงพันธุกรรมค่อนข้างมาก จะเข้าข่ายสงสัยไว้ก่อนทันที แต่สำหรับประเทศไทยชุดตรวจส่วนใหญ่ RT-PCR จะเป็นชุดตรวจ หายีน N ยีน E และยีน orf1ab หรือ RdRp ดังนั้น จึงใช้วิธีที่กล่าวไม่ได้
ขณะนี้ ศูนย์ได้พัฒนา probe ตัวจับจำเพาะ ต่อสายพันธุ์โอไมครอน เพื่อการวินิจฉัยให้ได้รวดเร็วที่สุด ที่ผ่านมาก็มีตัวจับจำเพาะ (probe) ต่อสายพันธุ์อัลฟา สายพันธุ์เดลตาอยู่แล้ว สามารถทำพร้อมกันได้เป็นจำนวนมากและใช้เวลาเท่ากับการทำ RT-PCR ธรรมดา คือ ประมาณ 4 ชั่วโมงก็สามารถที่จะบอกหรือคาดว่าเป็นสายพันธุ์โอไมครอนได้
#หมอยง
#สายพันธุ์โอไมครอน
CR:Yong Poovorawan