นายเซจิ อาดาชิ หนึ่งในกรรมการบริหารของธนาคารกลางญี่ปุ่น หรือ บีโอเจ เปิดเผยว่า บีโอเจ จำเป็นต้องจับตาสถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคโควิด-19 อย่างใกล้ชิด ในช่วงเวลาที่ทั่วโลกวิตกกังวลเกี่ยวกับการแพร่ระบาดของไวรัสสายพันธุ์โอไมครอน และพร้อมที่จะใช้มาตรการผ่อนคลายทางการเงินเพิ่มเติมหากจำเป็น เพื่อช่วยเหลือภาคธุรกิจที่ประสบกับความยากลำบาก โดยโครงการสนับสนุนการระดมทุนของภาคเอกชนซึ่งริเริ่มโดยบีโอเจจะหมดอายุลงในเดือนมีนาคมปีหน้า
เศรษฐกิจญี่ปุ่นเริ่มมีสัญญาณบวก หลังจากที่ยกเลิกมาตรการฉุกเฉินเพื่อควบคุมโควิด-19 เมื่อวันที่ 1 ตุลาคม แต่ก็ต้องกลับมาเผชิญความไม่แน่นอนอีกครั้ง หลังจากที่มีการยืนยันพบผู้ติดเชื้อไวรัสสายพันธุ์โอไมครอนรายแรกเมื่อวานนี้ (30 พ.ย.) เป็นเจ้าหน้าที่การทูตชาวนามิเบีย วัยประมาณ 30 ปี และทำให้มีความวิตกกังวลเพิ่มขึ้น ซึ่งนายอาดาชิ กล่าวว่า คาดการณ์ที่ว่า การอุปโภคบริโภคจะฟื้นตัวขึ้นสู่ระดับเดียวกับช่วงก่อนเกิดการแพร่ระบาดในเร็วๆ นี้ถือเป็นการคาดการณ์ในมุมมองเชิงบวกมากเกินไป และในวันนี้ (1 ธ.ค.) ญี่ปุ่นยืนยันพบผู้ติดเชื้อสายพันธุ์โอไมครอน คนที่ 2 เป็นชายอายุประมาณ 20 ปี เดินทางมาจากประเทศเปรู ถึงสนามบินนาริตะเมื่อวันเสาร์ที่ 27 พฤศจิกายน
ในขณะนี้ ญี่ปุ่นได้เริ่มฉีดวัคซีนโควิด-19 เข็มบูสเตอร์ให้กับบุคลากรทางการแพทย์ทั่วประเทศ ที่ฉีดวัคซีนครบ 2 โดสแล้วอย่างน้อย 8 เดือน โดยใช้วัคซีนของไฟเซอร์ อิงค์ และไบโอเอ็นเทค เอสอี และคาดว่า ตั้งแต่เดือนมกราคมปีหน้า (2565) จะเริ่มฉีดให้กับผู้สูงอายุและประชาชนทั่วไปได้
...
#ญี่ปุ่น
#โควิดสายพันธุ์ใหม่
#วัคซีนบูสเตอร์
ผู้นำสหรัฐฯ ตำหนิ วอลมาร์ทขึ้นราคาสินค้า สั่งแบกต้นทุนภาษี-อ้างปกป้องผู้บริโภค
...
สหรัฐหารือรัสเซีย วันนี้ เร่งรัดตกลงหยุดยิงในยูเครน
...
ชาวเกาะคานารี สเปน ร่วมประท้วงปัญหาการท่องเที่ยวเชิงปริมาณ
...
ข่าวทั้งหมด
