กรณีเจ้าหน้าที่สาธารณสุขของรัฐนิวเซาท์เวลส์ ออสเตรเลีย พบผู้ป่วยจากเชื้อไวรัสสายพันธุ์โอไมครอน 2 คน เป็นผู้โดยสารที่เดินทางจากแอฟริกาใต้มาที่นครซิดนีย์ ออสเตรเลียด้วยเครื่องบินโดยสารของสายการบินสิงคโปร์แอร์ไลน์ ของสิงคโปร์ เมื่อวันอาทิตย์ 28 พฤศจิกายน 2564 โดยเครื่องบินแวะจอดเปลี่ยนเครื่องที่สนามบินนานาชาติชางงีของสิงคโปร์ก่อนบินมุ่งหน้าไปยังนครซิดนีย์ รัฐนิวเซาท์เวลส์ในวันเดียวกัน ทำให้ตัวเลขรวมผู้ป่วยจากสายพันธุ์โอไมครอนของออสเตรเลียอยู่ที่ 5 คน
กระทรวงสาธารณสุขของสิงคโปร์ ชี้แจงในเรื่องนี้ว่า ผู้โดยสารทั้งสองคนเดินทางมาจากนครโยฮันเนสเบิร์ก แอฟริกาใต้ ด้วยเครื่องบินโดยสารของสิงคโปร์แอร์ไลน์ เที่ยวบิน SQ481 โดยเครื่องบินดังกล่าวออกเดินทางจากสนามบินนครโยฮันเนสเบิร์ก ตั้งแต่ก่อนคำสั่งของรัฐบาลสิงคโปร์จะมีผลบังคับ คือ หลังเที่ยงคืนของวันเสาร์ ต่อเนื่องเช้ามืดวันอาทิตย์ 28 พฤศจิกายน 2564 ห้ามนักเดินทางจากประเทศแอฟริกาใต้และเพื่อนบ้านอีก 7 ประเทศเดินทางเข้ามาที่สิงคโปร์
ระหว่างการพักเปลี่ยนเครื่อง ผู้โดยสารทุกคนอยู่ในอาคารพักผู้โดยสารขาเข้า ไม่ได้ออกจากสนามบินชางงีหรือเข้าไปในบริเวณอื่นๆของสนามบิน ต่อมาเครื่องบินลำดังกล่าวได้ทำการบินมุ่งหน้าไปยังนครซิดนีย์ในวันเดียวกัน (28 พฤศจิกายน 2564)ด้วยเที่ยวบิน SQ211 ซึ่งต่อมา ปรากฏว่า ออสเตรเลียตรวจพบผู้โดยสารสองคนติดเชื้อไวรัสสายพันธุ์โอไมครอน
สำหรับมาตรการเฝ้าระวังของสิงคโปร์ คือ ให้พนักงานทุกคนของสิงคโปร์แอร์ไลน์ที่ให้บริการเครื่องบินลำเดียวกับผู้โดยสารสองคนที่ติดเชื้อไวรัสโอไมครอนจากแอฟริกาใต้ เข้าสู่กระบวนการกักตัวเองและตรวจโรคทุกวัน ขณะที่ สายการบินสิงคโปร์แอร์ไลน์ระบุในแถลงการณ์ว่านักบินและลูกเรือทุกคนที่ปฏิบัติงานในเที่ยวบิน SQ211 จะปฏิบัติตามมาตรการกักกันของรัฐบาลสิงคโปร์ ปฏิเสธที่จะเปิดเผยชื่อของผู้โดยสาร ระบุว่าเป็นข้อมูลความลับของลูกค้า แต่ระบุว่า สายการบินจะให้ความร่วมมือกับหน่วยงานสาธารณสุขของสิงคโปร์ เช่น ช่วยติดต่อสื่อสารกับผู้โดยสารกลุ่มดังกล่าวตามที่เห็นว่ามีความจำเป็น เพื่อควบคุมการแพร่ระบาดในสิงคโปร์
#สิงคโปร์
#ออสเตรเลีย
#สิงคโปร์แอร์ไลน์
#ผู้โดยสารติดโอไมครอนจากแอฟริกา