รอยเตอร์รายงานอ้างแถลงการณ์จากบริษัทเทเลนอร์ (TEL)ผู้ประกอบธุรกิจโทรคมนาคมของนอร์เวย์ ซึ่งเป็นผู้ถือหุ้นรายใหญ่ในบริษัทโทเทิ่ล แอ็คเซ็ส คอมมูนิเคชั่น จำกัด (มหาชน)หรือ ดีแทค (DTAC)ผู้ประกอบธุรกิจโทรศัพท์มือถือของประเทศไทยว่า เทเลนอร์และบริษัทเจริญโภคภัณฑ์ กรุ๊ป(CP Group)ซึ่งเป็นผู้ถือหุ้นใหญ่ในบริษัททรู คอร์เปอเรชั่น(True)ผู้ประกอบธุรกิจโทรศัพท์มือถือของประเทศไทย อยู่ระหว่างพูดคุยเรื่องแผนควบกิจการระหว่างค่ายมือถือดีแทคกับค่ายทรู ซึ่งหากการเจรจาสำเร็จ จะเป็นการควบรวมกิจการโทรศัพท์มือถือมูลค่า 7,500 ล้านดอลลาร์สหรัฐฯ และจะเป็นการทำข้อตกลงควบรวมกิจการครั้งที่สองของกลุ่มบริษัทเทเลนอร์ในภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ในปีนี้
ที่ผ่านมา ทั้งสองฝ่ายพูดคุยกันในหลายประเด็น หลายเรื่องยังคงค้างการพิจารณาอยู่ในขณะนี้ ยังตกลงกันไม่สำเร็จ ทั้งยังไม่มีความชัดเจนว่าการพูดคุยกันในครั้งนี้จะนำไปสู่การทำข้อตกลงควบรวมกิจการระหว่างค่ายดีแทคกับค่ายทรูในที่สุดหรือไม่ พร้อมทั้งปฏิเสธที่จะให้ข้อมูลเพิ่มเติมในช่วงแรกของการเจรจากับกลุ่มบริษัทซีพี กรุ๊ป
ในปัจจุบัน เทเลนอร์ มีลูกค้า 172 ล้านคน รายได้ครึ่งหนึ่งมาจากการให้บริการด้านธุรกิจโทรศัพท์มือถือในเอเชียและอีกครึ่งหนึ่งได้รับจากการบริการทางธุรกิจในนอร์เวย์ ก่อนหน้านี้ เทเลนอร์ ทำข้อตกลงกับบริษัทเอเชียต้า กรุ๊ป (Axiata Group) ผู้ประกอบธุรกิจโทรศัพท์มือถือของมาเลเซียในเดือนมิถุนายน ควบรวมกิจการธุรกิจโทรศัพท์มือถือในมาเลเซียภายใต้ข้อตกลงมูลค่า 15,000 ล้านดอลลาร์สหรัฐฯ เพื่อก้าวขึ้นมาเป็นค่ายมือถือรายใหญ่อันดับหนึ่งของมาเลเซีย
ข้อมูลจากบริษัทรีฟินิทีฟ ไอคอน (Refinitiv Eikon)ระบุว่าในปัจจุบัน บริษัทดีแทคมีสินทรัพย์รวมมูลค่า 3,000 ล้านดอลลาร์สหรัฐฯ ขณะที่บริษัททรูมีสินทรัพย์รวมมูลค่า 4,500 ล้านดอลลาร์สหรัฐฯ เบื้องต้น บริษัทซีพี กรุ๊ป ยังไม่ตอบคำถามจากรอยเตอร์ที่สอบถามข้อมูลเรื่องนี้
ที่ผ่านมา ค่ายมือถือส่วนใหญ่มีกำไรลดลงสืบเนื่องจากการแข่งขันรุนแรงในอุตสาหกรรมโทรคมนาคม อีกทั้งต้องใช้งบลงทุนที่สูงขึ้นเพื่อพัฒนาเทคโนโลยีใหม่ๆเพื่อรองรับระบบสื่อสารรุ่นต่อไปคือ รุ่น 5G
#เทเลนอร์เจรจากับซีพี กรุ๊ป
#ดีแทค-ทรู