*สปช.เตรียมหารือรัฐมนตรียุติธรรม เรื่องมติมส.ที่ขัดพระลิขิต กังวลวัดธรรมกายเป็นแหล่งฟอกเงินหากินกับศรัทธา*

23 กุมภาพันธ์ 2558, 15:23น.


จากมติของมหาเถรสมาคมหรือมส.ที่มีมติให้พระธัมมชโยไม่ต้องปาราซิกในกรณีฉ้อโกงทรัพย์วัดธรรมกายนาย ไพบูลย์ นิติตะวัน ประธานคณะกรรมการปฎิรูปแนวทางและมาตรการปกป้องพิทักษ์กิจการพระพุทธศาสนา สภาปฎิรูปแห่งชาติ ระบุว่า จากการหารือกับสมาชิกและผู้แทนจากสำนักงานป้องกันและปราบปรามการฟอกเงิน หรือ ปปง. พบว่ามติดังกล่าวมีปัญหาทางกฎหมายและธรรมวินัย และไม่ทำตามพระลิขิตสมเด็จพระสังฆราช สกลมหาสังฆปริณายก โดยพระลิขิตบัญญัติชัดเจนว่ากรณีดังกล่าวถือเป็นความผิด ต้องปาราซิกและต้องดำเนินการอย่างเด็ดขาด นายไพบูลย์ ระบุว่า พระลิขิตถือเป็นการใช้อำนาจตามมาตรา 8 ของพระราชบัญญัติคณะสงฆ์ และถือเป็นกฎหมายสงฆ์ รวมทั้งมหาเถรสมาคม(มส.)เคยรับทราบพระลิขิตดังกล่าวแล้วตามหนังสือฉบับที่ 193/2542  ดังนั้นมติของมส.เป็นการบิดเบือนพระลิขิตและขัดต่อธรรมวินัย และพระธัมมชโยต้องปาราซิกไปนานแล้ว ตั้งแต่มติปี 2549 ส่วนจะดำเนินการอย่างไรต่อไป นายไพบูลย์ ระบุว่า คณะกรรมการคงไม่สามารถดำเนินคดีใดๆได้ เพราะคณะกรรมการไม่มีสิทธิในหน้าที่นี้ แต่จะสรุปเรื่องดังกล่าวไปคุยกับรัฐมนตรีว่าการกระทรวงยุติธรรมต่อไป  แต่ทราบมาว่าผู้ตรวจการแผ่นดินได้ตั้งคณะกรรมการขึ้นมาตรวจสอบและร้องเรียนแล้ว



นายไพบูลย์ ระบุว่า ตัวเองกังวลว่าวัดจะกลายเป็นแหล่งฟอกเงินขนาดใหญ่และกลายเป็นธุรกิจของพระโดยอาศัยศรัทธาประชาชน ดังนั้นการปฎิรูปศาสนาต้องมีกลไกตรวจสอบที่เปิดเผยต่อสาธารณะชนได้ ยืนยันว่าพระไม่สามารถรับเงินหรือกระทำผิดพระลิขิตได้ โดยคดีพระธัมมชโยถือเป็นกรณีสำคัญที่แสดงให้เห็นว่าพระศาสนากำลังเสื่อมลง ส่วนกรณีที่รองอธิการบดีมหาจุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัยได้ขอให้ยุบคณะกรรมการฯของนายไพบูลย์  นายไพบูลย์ ระบุว่า สามารถทำได้ เพราะเป็นเสียงเห็นต่างของประชาชนคนหนึ่ง แต่ก็ยืนยันว่าหากจะโดนยุบ คณะกรรมาธิการยกร่างรัฐธรรมนูญก็คงต้องโดนด้วยเพราะมีเสียงเห็นต่างมากเช่นกันส่วนข้อเรียกร้องของพระพุทธะอิสระในวันนี้ จะนำมาพิจารณาในสัปดาห์หน้าและส่งเรื่องให้หน่วยงานต่างๆที่เกี่ยข้องต่อไป



ด้านนายแพทย์มโน เลาหวณิช อดีตพระลูกวัดพระธรรมกาย ระบุว่า ปัญหาในวัดพระธรรมกายมีมานานแล้ว มีการแบ่งฝ่ายในวัดและยืนยันว่านาย ศุภชัย ศรีศุภอักษร ประธานกรรมการสหกรณ์เครดิตยูเนี่ยนสนิทสนมกับพระธัมมชโยและวัดมาตั้งแต่ปี 2542 โดยอาศัยหากินกับวัดมาโดยตลอด รวมทั้งตัวเองก็เคยถูกเป็นเครื่องมือในการหากินกับศรัทธาของประชาชนด้วย



ธีรวัฒน์ 

ข่าวทั้งหมด

X