ไฟเซอร์บรรลุข้อตกลงองค์กรสิทธิบัตรยา UN ให้ 95 ประเทศ ผลิตยา'แพ็กโลวิด' แต่ไม่รวม ไทย

16 พฤศจิกายน 2564, 21:07น.


          องค์กรสิทธิบัตรยาร่วม (MPP) ซึ่งได้รับการสนับสนุนจากองค์การสหประชาชาติ (UN) เปิดเผยในวันนี้ว่า MPP ได้บรรลุข้อตกลงด้านสิทธิบัตรยากับบริษัทไฟเซอร์ อิงค์ โดยทางบริษัทจะอนุญาตให้ผู้ผลิตยาสามัญสามารถจำหน่ายยาแพ็กซ์โลวิด (Paxlovid) ซึ่งเป็นยารักษาโรคโควิด-19 ในกลุ่มประเทศรายได้ต่ำและรายได้ปานกลางจำนวน 95 ประเทศทั่วโลก บริษัทที่ต้องการผลิตยาแพกซ์โลวิดสามารถยื่นเรื่องต่อ MPP เพื่อขอการอนุมัติ โดย MPP จะมอบช่วงสิทธิบัตรให้แก่บริษัทที่มีคุณสมบัติเหมาะสม และได้รับการอนุมัติจากหน่วยงานสาธารณสุขภายในประเทศในการผลิตยาดังกล่าว MPP คาดการณ์ว่ายาแพกซ์โลวิดจะเข้าถึง 95 ประเทศดังกล่าวภายในเวลาอีกไม่กี่เดือน



          ประเทศที่เข้าเกณฑ์ได้รับช่วงสิทธิบัตรการผลิตยาแพ็กซ์โลวิดทั้ง 95 ประเทศ ส่วนใหญ่เป็นประเทศในเอเชียและแอฟริกา โดยอยู่ในกลุ่มประเทศในทวีปแอฟริกาตอนใต้ทะเลทรายซาฮารา (SSA), กลุ่มประเทศรายได้ต่ำ (LIC), กลุ่มประเทศรายได้ต่ำถึงปานกลาง (LMIC) และกลุ่มประเทศรายได้ปานกลางค่อนข้างสูง (UMIC)



          สำหรับประเทศในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้มีอยู่ 6 ประเทศที่เข้าเกณฑ์ดังกล่าว ได้แก่ สปป.ลาว เมียนมา กัมพูชา อินโดนีเซีย ฟิลิปปินส์ และเวียดนาม ส่วนประเทศที่ไม่อยู่ในรายชื่อ ได้แก่ บรูไน มาเลเซีย สิงคโปร์ และไทย



          ทั้งนี้ รายชื่อ 95 ประเทศที่รับสิทธิผลิตยาแพกซ์โลวิด ได้แก่



Afghanistan, Algeria, Angola, Armenia, Bangladesh, Belize, Benin, Bhutan, Bolivia (Plurinational State of), Botswana, Burkina Faso, Burundi, Cabo Verde, Cambodia, Cameroon, Central African Republic, Chad, Comoros, Congo, democratic Republic of the, Congo, Côte d'Ivoire, Djibouti, Egypt, El Salvador, Equatorial Guinea, Eritrea, Eswatini, Ethiopia, Gabon, Gambia (the), Georgia, Ghana, Guatemala, Guinea, Guinea-Bissau, Haiti, Honduras, India, Indonesia, Iran (Islamic Republic of), Jordan, Kenya, Kiribati, Korea (Democratic People's Republic of), Kosovo, Kyrgyzstan, Lao People's Democratic Republic (the), Lesotho, Liberia, Madagascar, Malawi, Mali, Mauritania, Micronesia (Federated States of), Moldova, Republic of, Mongolia, Morocco, Mozambique, Myanmar, Namibia, Nepal, Nicaragua, Niger, Nigeria, Pakistan, Papua New Guinea, Philippines, Rwanda, Samoa, Sao Tome and Principe, Senegal, Sierra Leone, Solomon Islands, Somalia, South Africa, South Sudan, Sri Lanka, Sudan, Syrian Arab Republic, Tajikistan, Tanzania, United Republic of, Timor-Leste, Togo, Tonga, Tunisia, Uganda, Ukraine, Uzbekistan, Vanuatu, Venezuela (Bolivarian Republic of), Viet Nam, Yemen, Zambia, Zimbabwe



          การบรรลุข้อตกลงระหว่าง MPP และบริษัทไฟเซอร์ในวันนี้มีขึ้น หลังจากที่ MPP ได้บรรลุข้อตกลงกับบริษัทเมอร์ค แอนด์ โค ก่อนหน้านี้เช่นกันในการมอบสูตรการผลิตยาโมลนูพิราเวียร์ ซึ่งเป็นยารักษาโรคโควิด-19 ให้แก่ 105 ประเทศทั่วโลก



          ทั้งนี้ บริษัทเมอร์คและไฟเซอร์จะไม่เรียกเก็บค่าตอบแทนจากบริษัทที่ผลิตยาโมลนูพิราเวียร์และยาแพ็กซ์โลวิด ตราบใดที่องค์การอนามัยโลก (WHO) ยังคงระบุว่าโรคโควิด-19 ถือเป็นภาวะฉุกเฉินด้านสาธารณสุขระหว่างประเทศ



          ไฟเซอร์เปิดเผยว่า ผลการทดลองพบว่า ยาแพ็กซ์โลวิดสามารถลดความเสี่ยงของผู้ป่วยโควิด-19 ในการเข้ารักษาตัวในโรงพยาบาลหรือเสียชีวิตได้ถึง 89% โดยสูงกว่ายาโมลนูพิราเวียร์ของบริษัทเมอร์ค ซึ่งมีประสิทธิภาพเพียง 50%



          ทั้งนี้ ยา 1 คอร์สของเมอร์คประกอบด้วยยาโมลนูพิราเวียร์ขนาด 200 มิลลิกรัม จำนวน 40 เม็ดสำหรับผู้ป่วย 1 คน โดยผู้ป่วยจะรับประทานยาวันละ 2 ครั้งๆละ 4 เม็ด เป็นเวลา 5 วัน ส่วนผู้ที่จะรับประทานยาของไฟเซอร์จะต้องรับทั้งยาแพ็กซ์โลวิด พร้อมกับยาริโทนาเวียร์ ซึ่งเป็นยารักษาผู้ติดเชื้อ HIV โดยยา 1 คอร์สของไฟเซอร์ประกอบด้วยยาแพ็กซ์โลวิด 20 เม็ดและริโทนาเวียร์ 10 เม็ดสำหรับผู้ป่วย 1 คน โดยผู้ป่วยจะรับประทานยาแพ็กซ์โลวิดขนาด 150 มิลลิกรัม 2 เม็ดต่อครั้ง คู่กับยาริโทนาเวียร์ 100 มิลลิกรัม 1 เม็ดต่อครั้ง วันละ 2 ครั้ง เป็นเวลา 5 วัน



          ขณะนี้ สำนักงานคณะกรรมการอาหารและยาสหรัฐ (FDA) กำลังอยู่ในระหว่างการพิจารณาให้การอนุมัติการใช้ยาโมลนูพิราเวียร์และยาแพ็กซ์โลวิดเป็นกรณีฉุกเฉิน โดยคาดว่าจะให้การอนุมัติยาโมลนูพิราเวียร์ในช่วงต้นเดือนธ.ค. และจะให้การอนุมัติยาแพ็กซ์โลวิดหลังจากนั้น 



          ก่อนหน้านี้ นพ.สมศักดิ์ อรรฆศิลป์ อธิบดีกรมการแพทย์ เปิดเผยว่า ได้ประชุมหารือกับผู้แทนบริษัทไฟเซอร์ ในประเด็นยาแพ็กซ์โลวิด เพื่อติดตามข้อมูลการศึกษาวิจัยการใช้ยา รวมถึงการจัดหายามาใช้รักษาผู้ป่วยโควิด-19 ในประเทศไทย ซึ่งทางบริษัทได้แจ้งราคายาที่จะขายให้กับประเทศไทยแล้ว แต่ขอไม่ให้เปิดเผยราคาต่อสาธารณะ รวมทั้งได้ขอให้ไทยแจ้งประมาณจำนวนยาที่จะสั่งจอง ซึ่งก็บอกไปคร่าวๆ โดยได้หารือกับนายอนุทิน ชาญวีรกูล รองนายกรัฐมนตรีและ รมว.สาธารณสุขแล้ว พร้อมแจ้งทางบริษัทไปว่า เราต้องการยาโดยเร็วที่สุด ซึ่งได้ขอให้นำเข้ามาในไตรมาสแรกของปี 2565 ทางบริษัทแจ้งว่าขณะนี้มีจำนวนการสั่งจองเข้ามาค่อนข้างมาก หลังจากนี้ทางบริษัทไฟเซอร์จะกลับไปทำสัญญาการสั่งจองเบื้องต้น เพื่อนำกลับมาให้ลงนามร่วมกัน คาดว่าน่าจะมีการเซ็นสัญญาจองปลายสัปดาห์นี้ เช่นเดียวกับยาโมลนูพิราเวียร์ อยู่ระหว่างกรมบัญชีกลางพิจารณาระเบียบการจัดซื้อจัดจ้าง คาดว่าสัปดาห์นี้ น่าจะได้เซ็นสัญญาจัดซื้อจัดจ้าง และการนำเข้ายาคงเป็นเดือน ม.ค.-ก.พ.2565



#รักษาโควิด



#ไฟเซอร์

ข่าวทั้งหมด

X