ปธน.สหรัฐฯ-จีน เริ่มหารือกันแล้ว! ปรับความสัมพันธ์ นำไปสู่ความร่วมมือแก้ปัญหาของโลก

16 พฤศจิกายน 2564, 09:24น.


           บีบีซี รายงานว่า ประธานาธิบดีโจ ไบเดนของสหรัฐฯ ประชุมผ่านระบบวิดีโอคอนเฟอเรนซ์กับประธานาธิบดีสี จิ้นผิงของจีน เมื่อเวลา 07.45 น.ตามเวลาในประเทศไทย นายสี กล่าวว่าประเทศจีนพร้อมจะขับเคลื่อนความสัมพันธ์สหรัฐฯ-จีน ในทิศทางบวก ทั้งสองฝ่ายเริ่มต้นคุยกันด้วยการกำหนดประเด็นต่างๆที่ทั้งสองฝ่ายจะพูดในวันนี้ นายไบเดน ได้หยิบยกหัวข้อเรื่องปัญหาสิทธิมนุษยชนและเรื่องกรณีที่จีนมีปัญหาพิพาทกับเพื่อนบ้านในทะเลจีนใต้มาพูดคุย



          นายสี กล่าวว่าเป็นเรื่องสำคัญที่ทั้งสองประเทศให้เกียรติซึ่งกันและกัน อีกทั้งจะต้องกระชับความสัมพันธ์อย่างใกล้ชิดและต่อเนื่อง เขารู้สึกดีใจที่ได้พูดคุยกับนายไบเดน ซึ่งเป็นเพื่อนเก่า ที่รู้จักกันมานาน



          ด้านนายไบเดน พูดว่า ขอเริ่มต้นพูดคุยกันอย่างเป็นทางการ แม้ว่าที่ผ่านมา เขาและผู้นำจีน จะไม่เคยมีโอกาสพูดคุยแบบเจอหน้ากันในฐานะประธานาธิบดีมาก่อนก็ตาม



          นายสี พูดว่า ทั้งสองประเทศจำเป็นต้องติดต่อสื่อสารกันให้มากขึ้นและร่วมกันหาทางแก้ปัญหาต่างๆด้วยกัน โดยเฉพาะปัญหาต่างๆที่สร้างความตึงเครียดให้กับทั้งสองฝ่าย เช่น ปัญหาเรื่องไต้หวันและปัญหาอื่นๆ โดยระบุว่า ความสัมพันธ์ที่แน่นแฟ้นระหว่างจีนกับสหรัฐฯจะนำไปสู่การร่วมมือกันเพื่อคลี่คลายปัญหาอื่นๆของโลก เช่น เรื่องภาวะโลกร้อนและการควบคุมการแพร่ระบาดของโรคโควิด-19



         ก่อนหน้านี้ ทำเนียบขาวของสหรัฐฯระบุในแถลงการณ์เมื่อวันศุกร์ที่แล้วว่า ผู้นำทั้งสองจะพูดคุยเรื่องแนวทางการบริหารจัดการเรื่องการแข่งขันอย่างมีความรับผิดชอบระหว่างสหรัฐฯและประเทศจีน พร้อมทั้งแนวทางการทำงานร่วมกันในเรื่องที่ทั้งสองฝ่ายมีผลประโยชน์ร่วมกัน



         ผู้นำทั้ง 2 ชาติมหาอำนาจมีโอกาสพูดคุยกันทางโทรศัพท์เพียง 2 ครั้ง นับแต่นายไบเดนรับตำแหน่งผู้นำคนใหม่ของสหรัฐฯ เมื่อต้นเดือน ม.ค.64 แต่ก็ยังไม่มีโอกาสได้พบปะพูดคุยด้วยตนเอง เนื่องจากผู้นำจีนปฏิเสธไม่เดินทางออกนอกประเทศนับแต่เกิดการระบาดของโควิด-19 ดังนั้นการประชุมผ่านระบบออนไลน์จึงเป็นหนทางที่ดีที่สุดในการเจรจา



          ความสัมพันธ์ระหว่างทั้ง 2 ชาติ มีปัญหาอย่างชัดเจน ในช่วงที่อดีตประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ เป็นประธานาธิบดีสหรัฐฯที่เปิดฉากทำสงครามการค้าและโจมตีเรื่องการระบาดของโควิด-19 แต่เมื่อมาถึงยุคนายไบเดน แม้ไม่มีการโจมตีอย่างแข็งกร้าวแบบเดิม แต่ความสัมพันธ์กลับยิ่งตึงเครียดทั้งในด้านสิทธิมนุษยชนและข้อพิพาทการค้าที่ทวีความรุนแรง รวมทั้ง กรณีไต้หวันที่น่าจะเป็นประเด็นหลักในการพูดคุยครั้งนี้ ซึ่งนายไบเดน ต้องการให้ผู้นำจีนให้คำมั่นที่จะรักษาสันติภาพในช่องแคบไต้หวัน ขณะที่สื่อของทางการจีน ชี้ว่านายสี น่าจะใช้โอกาสนี้เตือนให้สหรัฐฯวางมือจากเรื่องดังกล่าว



         ก่อนหน้านี้จีนได้เพิ่มกิจกรรมทางทหารใกล้ไต้หวัน โดยเครื่องบินทหารของจีนบินรุกล้ำเข้าไปในเขตป้องกันภัยทางอากาศของไต้หวันมากเป็นประวัติการณ์ถึง 38 ลำ เมื่อต้นเดือน ต.ค. 64 ซึ่งรัฐบาลสหรัฐฯของนายไบเดน พร้อมปกป้องไต้หวัน หากโดนกองทัพจีนรุกราน หลังจากที่ผ่านมาสหรัฐฯ ได้พยายามผลักดันให้ไต้หวันมีส่วนร่วมบนเวทีประชาคมโลก ขณะที่ ทางการจีน ประกาศภารกิจสำคัญให้คำมั่นในการรวมไต้หวันกลับคืนสู่การปกครองของแผ่นดินใหญ่ โดยระบุว่าอาจใช้กำลังหากจำเป็น


 


 



#ผู้นำสหรัฐฯและจีน



#หารือซัมมิต



 

ข่าวทั้งหมด

X