นายยุทธศักดิ์ สุภสร ผู้ว่าการการท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย (ททท.) เปิดเผยว่า วันที่ 12 พ.ย.64 ททท.จะรายงานความคืบหน้าของการเปิดประเทศรับนักท่องเที่ยวต่างชาติ จาก 63 ประเทศ เข้าไทยโดยไม่ต้องกักตัว เริ่มเมื่อวันที่ 1 พ.ย. ต่อพล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและรมว.กลาโหม ในฐานะประธานการประชุม ศูนย์บริหารสถานการณ์โควิด-19 (ศบค.) เพื่อพิจารณา ถึงความก้าวหน้า จำนวนนักท่องเที่ยว ปัญหา และอุปสรรคที่เกิดขึ้น
ทั้งนี้ จะเสนอศบค.พิจารณายกเลิกการตรวจ RT-PCR สำหรับนักท่องเที่ยวต่างชาติ ที่ได้รับวัคซีนภายใต้โครงการ Test & Go และผ่อนปรนกฎการสัมผัสใกล้ชิดที่มีความเสี่ยงสูง (HRC) เพราะการดำเนินการแต่ละครั้ง ต้องใช้เวลาอย่างน้อย 6 ชั่วโมงจึงจะทราบผลการตรวจ และผู้เดินทางขาเข้าต้องจองและพักอยู่ในห้องพักในโรงแรมระหว่างรอผลการตรวจอย่างน้อย 1 วัน ดังนั้นเพื่ออำนวยความสะดวกให้กับนักท่องเที่ยวและผู้ที่เดินทาง และลดภาระค่าใช้จ่ายก็ให้ดำเนินการตรวจด้วยวิธีอื่น อาทิ ชุดทดสอบแอนติเจน หรือเอทีเค จะสะดวกกว่าและช่วยจัดการกระแสนักท่องเที่ยวได้ดีขึ้น หากจำนวนผู้มาใช้บริการเพิ่มขึ้น ในช่วงเดือนสุดท้ายของปีคาดว่านักท่องเที่ยวจะเดินทางเข้าไทยเป็นจำนวนมาก
ส่วนการพิจารณาผ่อนปรนเกณฑ์เกี่ยวกับนักท่องเที่ยวติดเชื้อ (High rish contract : HRC) เพื่อลดการกักตัวให้น้อยลง ให้คนที่เสี่ยงสูงต้องกักตัวมีเฉพาะคนที่นั่งติดกับผู้ที่ติดเชื้อเท่านั้น ถ้ากรณีผู้ติดเชื้อนั่งติดหน้าต่าง ผู้เสี่ยงสูงจะเหลือเพียงคนเดียว ปัจจุบันกำหนดให้ผู้ที่นั่งข้างนักเดินทางที่ติดเชื้อและผู้โดยสารในแถวหน้า 2 แถวและแถวหลัง 2 แถวจากนักเดินทางที่ติดเชื้อต้องย้ายไปอยู่ในสถานกักกัน
ขณะเดียวกันผู้ที่ตรวจพบว่าไม่รุนแรงหรือไม่มีอาการ ไม่จำเป็นต้องย้ายไปโรงพยาบาลเพื่อรับการรักษา แต่สามารถเลือกโรงพยาบาลหรือกักกันทางเลือกแทนได้ โดยมีระยะเวลาสั้นกว่าสูงสุด 10 วัน จากปัจจุบัน 14 วัน
นอกจากนั้น ในการประชุมศบค.จะเสนอให้พิจารณาข้อเสนอให้ร้านอาหารในโรงแรม สามารถขายแอลกอฮอล์ได้ โดยไม่ติดเงื่อนไขเวลา ที่ให้นั่งดื่มได้แค่ 21.00 น.เท่านั้น โดยข้อเสนอนี้จะอนุญาตเฉพาะแขกและนักท่องเที่ยวที่พักในโรงแรมเท่านั้น ไม่รวมถึงบุคคลภายนอกที่จะเข้ามาใช้บริการ แต่สามารถนั่งดื่มได้แค่เวลาที่กฎหมายกำหนด
#โควิด19