กระทรวงกลาโหมสหรัฐฯ หรือเพนตากอน รายงานผลการสอบสวนเหตุการณ์ที่กองทัพส่งโดรนโจมตีเป้าหมายในกรุงคาบูล เมื่อวันที่ 29 สิงหาคม ว่าไม่พบการกระทำที่บ่งชี้ถึงความผิดในทางอาญาและวินัย แต่การโจมตีที่เกิดขึ้น ทำให้มีพลเรือนชาวอัฟกันเสียชีวิต 10 ราย ซึ่งรวมถึงเด็ก 7 คน
รายงานผลการสอบสวนถูกส่งไปยังสำนักงานของ นายลอยด์ ออสติน รัฐมนตรีกลาโหมสหรัฐฯ ลอยด์ ออสติน เมื่อวันอังคาร (2 พ.ย.) ซึ่งพลอากาศโท ซามี ซาอิด จากกองทัพอากาศสหรัฐฯ กล่าวว่า มีข้อผิดพลาดเกิดขึ้นในการดำเนินการ รวมถึงมีการใช้อคติในการยืนยันและปัญหาการสื่อสารขัดข้อง ทำให้มีการโจมตีที่สร้างความเสียหายร้ายแรง แต่สำนักงานผู้ตรวจการกองทัพอากาศมีความเห็นว่าไม่ใช่ความผิดในทางอาญา การละเมิดกฎหมายสงครามหรือผลจากความประมาทเลินเล่อ
การโจมตีเกิดขึ้นในช่วงเวลาที่มีความโกลาหลของการอพยพและการถอนทหารออกจากคาบูล ซึ่งกองทัพยังได้รับคำเตือนว่ากลุ่มรัฐอิสลาม หรือ ไอเอส จังหวัดโคราซาน มีแผนก่อเหตุโจมตี และหลายวันหลังจากที่เกิดเหตุ กองทัพสหรัฐฯ ยังคงอ้างว่า เป้าหมายการโจมตีคือนักรบของกลุ่มไอเอสโคราซานที่เตรียมโจมตีกองทัพสหรัฐฯที่สนามบิน แต่ญาติของผู้เสียชีวิต กล่าวว่า ผู้เสียชีวิตทั้งหมดคือสมาชิกครอบครัวนายเซมารี อาห์มาดี จำนวน 10 คน ซึ่งมีอายุตั้งแต่ 2 ขวบถึง 40 ปี โดยนายอาห์มาดี หัวหน้าครอบครัวเป็นวิศวกรไฟฟ้าของกลุ่มองค์กรโภชนาการและการศึกษานานาชาติ (Nutrition and Education International : NEI) ซึ่งเป็นองค์กรเอ็นจีโอด้านมนุษยธรรมของสหรัฐฯ
ซึ่งหลังจากที่มีการยืนยันว่าผู้เสียชีวิตคือพลเรือน ฝ่ายบริหารของประธานาธิบดี โจ ไบเดน แห่งสหรัฐฯ และเจ้าหน้าที่ออกแถลงการณ์ขอโทษ แต่ญาติของผู้เสียชีวิตกล่าวว่ายังไม่เพียงพอ โดยเมื่อเดือนที่แล้ว (ต.ค.) รัฐบาลสหรัฐฯ เสนอจ่ายค่าชดเชยให้กับครอบครัว แต่ไม่มีการเปิดเผยจำนวนเงิน และกระทรวงการต่างประเทศสหรัฐฯ จะรับสมาชิกในครอบครัวของเขามาพำนักในสหรัฐฯ
ด้านสหภาพเสรีภาพพลเมืองอเมริกัน มีความเห็นว่า ข้อสรุปของเพนตากอนไม่ได้แสดงให้เห็นถึงความรับผิดชอบต่อความสูญเสียทั้งของครอบครัวนายอาห์มาดี และองค์กรเอ็นจีโอ แต่เป็นการทำให้ทุกคนตกอยู่ในความเสี่ยงมากขึ้น จึงเรียกร้องให้มีการอพยพออกจากอัฟกานิสถานโดยด่วน
....
#สหรัฐอเมริกา
#เพนตากอน
#คาบูล
#โจมตีพลเรือน