*กทม. จัดระเบียบหน้าบ้านมนังคศิลาหากฝ่าฝืนพร้อมจับกุม ขณะที่มีผู้ค้าบางส่วนไม่เห็นด้วย*

วันนี้ เป็นวันแรกที่ กรุงเทพมหานคร(กทม.) จัดระเบียบพื้นที่ผู้ค้าหน้าบ้านมนังคศิลาถึงโรงภาพยนตร์ปารีส บริเวณถนนหลานหลวง ให้มีความเป็นระเบียบเรียบร้อย หลังจากที่ศาลปกครองสูงสุด มีคำพิพากษาเมื่อวันที่ 9 มกราคม 2558 ยืนตามศาลปกครองชั้นต้นให้ยกเลิกจุดผ่อนผันการค้าแผงลอยบริเวณดังกล่าว พล.ต.ต. วิชัย สังข์ประไพ ที่ปรึกษาผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานคร ปล่อยแถวเจ้าหน้าที่กว่า 100 นาย ช่วยกันกวาดล้างถนน ทำความสะอาด ขณะที่ยังมีพ่อค้าแม่ค้าที่ไม่เห็นด้วยกับการจัดระเบียบและต้องเปลี่ยนสถานที่ค้าขายเรียกร้องให้กทม.ช่วยเหลือ พล.ต.ต. วิชัย  เปิดเผยว่า กทม.สั่งให้เจ้าหน้าที่ดำเนินการตามกฎหมาย หากมีผู้ฝ่าฝืนก็จำเป็นที่จะต้องจับกุม เนื่องจาก  กทม.ประชุมร่วมกับผู้ค้ากว่า 500 รายมาแล้วหลายรอบ ผู้ค้าก็ยินยอม กทม.ก็ได้จัดพื้นที่ตลาดทรัพย์สินพัฒนาให้กับผู้ค้าที่อยู่เยื้องกับบ้านมนังคศิลาแล้ว โดยแบ่งพื้นที่การขายเป็นหมวดหมู่ พร้อมระบุว่าพื้นที่ดังกล่าวไม่ได้แพงเกินจริงตามที่ผู้ค้าร้องเรียน และการเสียค่าที่ในบริเวณเดิมก็คงมีค่าที่เท่ากับบริเวณตลาดทรัพย์สินด้วย ยืนยันว่าจำเป็นต้องดำเนินการ เพื่อให้ประชาชนเดินบนทางเท้าได้สะดวก เนื่องจากผู้ค้า ขายของเกินพื้นที่จนล้ำออกมาถึงเลนฝั่งซ้ายของถนน ส่งผลให้การจราจรติดขัดเป็นอย่างมาก รวมทั้งบ้านมนังคศิลาเป็นพื้นที่สำคัญ คงไม่เหมาะสมหากมีการค้าขายเหมือนในอดีตอีก โดยกรุงเทพคงต้องเลือกประชาชนส่วนใหญ่เป็นสำคัญแทนผู้ค้าส่วนน้อย ยืนยันว่าไม่หนักใจกับการคัดค้านในวันนี้ และในวันที่ 2 มีนาคมจะเริ่มจัดระเบียบพืนที่คลองถมด้วย

ขณะที่พล.ต.ต. นิพนธ์ เจริญผล รองผู้บัญชาการตำรวจนครบาล ระบุว่า พื้นที่นี้มีการอนุญาตผ่อนผันมานานหลายสิบปี หลังจากนี้ หากพบเห็นผู้ค้าแอบมาขายอีก ก็จะดำเนินการจับกุมตามพระราชบัญญัติจราจร มีโทษปรับ 1,000 บาท และจากนี้จะเริ่มออกเครื่องหมายห้ามจอดในพื้นที่ต่างๆและจะสำรวจพื้นที่จัดระเบียบทางเท้าต่อไป

ด้านประชาชน ที่ไม่เห็นด้วย ระบุว่า ตัวเองขายพื้นที่นี้มากว่า 20 ปีแล้ว ไม่พบว่ามีปัญหา โดยจะขายช่วงเย็นตั้งแต่ 16.00-20.00น. ส่วนตลาดใหม่ที่กรุงเทพฯจัดให้มีค่าเช่าที่แพงเกินไป รับภาระค่าใช้จ่ายไม่ไหว เเละกลัวเสียฐานลูกค้าที่มีอยู่เดิม โดยแผงใหม่ มีราคาค่าเช่าวันละ150-200 บาทขึ้นอยู่กับขนาดของแผง ส่วนค่าไฟ หลอดละ10 บาทต่อวัน และต้องเสียค่ามัดจำล่วงหน้า 3,500 บาท ซึ่งแพงกว่าที่ขายอยู่เดิม จึงอยากให้มีมาตรการช่วยเหลือประชาชนให้มากกว่านี้ เช่นผ่อนผันการขายต่ออีกอย่างน้อย 2 เดือน และในวันจันทร์นี้จะทราบผลว่าศาลปกครองจะรับคุ้มครองชั่วคราวหรือไม่

ธีรวัฒน์