นพ.เฉวตสรร นามวาท ผู้อำนวยการกองควบคุมโรคและภัยสุขภาพในภาวะฉุกเฉิน กรมควบคุมโรค กระทรวงสาธารณสุข เปิดเผยว่า สถานการณ์การติดเชื้อโควิด-19 เราผ่านทางแยกมาแล้ว แม้ว่าจะมีจำนวนผู้ป่วยรายใหม่ แต่ความร่วมมือและมาตรการต่างๆทำให้ในภาพรวมมีความน่าพอใจ แม้ว่าจะพบว่าบางจุด บางคลัสเตอร์ ไม่ได้เคร่งครัดในการปฎิบัติตามมาตรการ
ทั้งนี้ มีการคาดการณ์ฉากทัศน์การระบาดของโควิด-19 ในประเทศไทยหลังเปิดประเทศ ถ้ายังร่วมมือกัน ค่าการระบาดจะอยู่ที่ร้อยละ 25 หรือเทียบกับก่อนล็อกดาวน์แนวโน้มก็จะมีการติดเชื้อลดลง ซึ่งตรงนี้ทุกฝ่ายต้องร่วมมือกับ 4 มาตรการหลักอย่างเข้มข้น คือ ป้องกันตัวเองขั้นสูงสุด มาตรการโควิด Free Area ตรวจ ATK เฝ้าระวังกลุ่มต่างด้าว และฉีดวัคซีนกลุ่มเป้าหมาย แต่ถ้าทำไม่สำเร็จ ปล่อยให้อัตราการแพร่กระจายสูงเหมือนก่อนล็อกดาวน์ ซึ่งอาจจะกลับมาถึงวันละ 10,000 คน แต่จำนวนการติดเชื้อไม่ใช่ตัวชี้วัดความรุนแรงของสถานการณ์เพียงอย่างเดียว แต่ต้องดูระบบว่าพร้อมรองรับหรือไม่ คนยังสามารถเข้ารับบริการได้อย่างมีประสิทธิภาพได้อย่างเพียงพอ
ส่วนการติดเชื้อรายวันต่อจำนวนประชากรล้านคน หากเทียบกัน 3 ประเทศ ไทย สิงคโปร์ และ ออสเตรเลีย พบว่า
-สิงคโปร์ ประกาศเปิดประเทศชัดเจน พบการติดเชื้อสูงกว่าไทย 2เท่า
-ออสเตรเลีย ผ่อนคลายการเดินทาง พบการติดเชื้อสูงกว่าไทย 1.3-1.4 เท่า
จะเห็นได้ว่า หลายประเทศมีอัตราการติดเชื้อที่สูงกว่าไทย ก็ยังยืนยันให้เปิดประเทศได้ ดังนั้นการเดินทางเข้า-ออก ต้องทำด้วยความระมัดระวังทุกประเทศ ไทยเน้นเปิดประเทศด้วยความระวัง ซึ่งมาตรการต่างๆที่ประกาศสามารถปรับเปลี่ยนได้ หากทำได้ดีก็สามารถผ่อนคลายได้ การผ่อนคลาย เป็นการจูงใจให้คนที่เดินทางเข้ามาไม่ต้องมีภาระ ผู้ว่าราชการในแต่ละจังหวัด มีบทบาทสำคัญมากที่จะทำงานเชื่อมโยงและประสานกับทุกภาคส่วนทั้งภาคอุตสาหกรรมท่องเที่ยว ภาคบริการเพื่อเตรียมความพร้อมรับผู้เดินทาง
#กระทรวงสาธารณสุข
#โควิด19
แฟ้มภาพ