ศาลมิวนิก ในเยอรมนี รายงานคำตัดสินให้หญิงชาวเยอรมันที่เข้าร่วมเป็นสมาชิกกลุ่มรัฐอิสลามหรือไอเอส รับโทษจำคุกเป็นเวลา 10 ปี ฐานฆ่าเด็กหญิงชาวยาซิดีวัย 5 ขวบ ในการพิจารณาคดีที่ใช้เวลาทั้งสิ้น 77 วัน
ในรายงานของศาลเปิดเผยว่า ผู้ต้องหา ซึ่งระบุชื่อว่า “เจนนิเฟอร์ ดับเบิลยู” อายุ 30 ปี มีความผิดฐานก่ออาชญากรรมต่อมนุษยชาติ และพยายามก่ออาชญากรรมในสงคราม โดยเธอเดินทางไปอิรัก เพื่อเป็นเจ้าสาวของนักรบกลุ่มไอเอสในปี 2558 ซึ่งในปีเดียวกันได้ซื้อผู้หญิงจากชนกลุ่มน้อยยาซิดีพร้อมกับลูกสาววัย 5 ขวบของเธอเป็นทาส
สำหรับนายทาฮา อัล-จูไมลี สามีของเธอ อยู่ในระหว่างการพิจารณาคดีแยกต่างหากในศาลที่แฟรงค์เฟิร์ต
ระหว่างที่อยู่ในอิรัก เจนนิเฟอร์และสามีอาศัยอยู่ในเมืองฟัลลูจาห์ ซึ่งมีหญิงและเด็กหญิงจากชนกลุ่มน้อยประมาณ 7,000 คนถูกบังคับให้เป็นทาส เมื่อกลุ่มไอเอสเข้ายึดครองพื้นที่ทางเหนือของอิรักในปี 2557
แม่ของเด็กหญิงผู้เสียชีวิตได้ให้การต่อศาลว่า ทั้งคู่ "ถูกทารุณกรรมทุกวัน" โดยลูกสาววัย 5 ขวบถูกทุบตีที่ศีรษะและผลักจนล้มกระแทกพื้น ซึ่งแรงมากจนเด็กได้รับบาดเจ็บที่ไหล่ จากนั้นในเดือนสิงหาคม 2558 เด็กหญิงฉี่รดที่นอนครั้งแรกแต่เมื่อเธอฉี่รดที่นอนเป็นครั้งที่ 2 นายทาฮา ฝ่ายสามีก็จับเด็กมัดไว้และทิ้งเธอไว้กลางแดด ท่ามกลางสภาพอากาศที่ร้อนจัด ซึ่งเจนนิเฟอร์บอกกับสามีว่าหากปล่อยไว้เด็กจะเสียชีวิต แต่เมื่อเขาไม่ได้ทำอะไร เธอก็ไม่ได้พยายามที่จะช่วยเด็ก
หลังจากที่ศาลมีคำตัดสิน นางอมาล คลูนีย์ ทนายความด้านสิทธิมนุษยชน และหนึ่งในทนายความฝ่ายโจทก์ กล่าวแถลงข่าวว่ามีความยินดีอัยการนำคดีนี้เข้าสู่การพิจารณาในชั้นศาล และเธอหวังว่า จะได้เห็นการพิจารณาคดีสมาชิกกลุ่มไอเอสในพื้นที่อื่นๆ ต่อไป เพื่อมอบความยุติธรรมให้กับครอบครัวผู้สูญเสีย
อย่างไรก็ตาม เจนนิเฟอร์ ดับเบิลยู ยังคงยืนยันปฏิเสธข้อกล่าวหาและทีมจำเลยของเธอมีเวลา 1 สัปดาห์ในการยื่นอุทธรณ์ต่อสำนักงานอัยการสูงสุดของเยอรมนี
....
#เยอรมนี
#อิรัก
#กลุ่มรัฐอิสลาม
#ชนเผ่ายาซิดี