*รองปลัดพลังงาน แจงเปิดสัมปทานปิโตรเลียมไม่ต้องแก้กม. แต่ต้องปรับปรุงการจัดการ*

การเปิดเวทีเสวนาเรื่อง"เดินหน้าประเทศไทยเพื่อความมั่นคงทางพลังงานที่ยั่งยืน"  นาย คุรุจิต นาครธรรพ์ รองปลัดกระทรวงพลังงาน ระบุว่า การซื้อขายพลังงานเป็นเรื่องปกติของสากล ยืนยันว่าไม่ต้องแก้กฎหมายดังที่นาย อภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ เสนอเพียงแค่แก้การบริหารจัดการก็พอ และถ้ามีการแข่งขันมากกว่า 1 บริษัทก็ให้มีการยื่นผลประโยชน์เป็นมูลค่าเงินนอกเหนือนจากค่าภาคหลวง รวมทั้งจะมีการให้ภาคเอกชนของไทยเข้าร่วมดำเนินการด้วย ส่วนการเข้าไปมีส่วนร่วมของภาครัฐ ส่วนตัวมองว่าภาครัฐควรเป็นผู้ส่งเสริมธุรกิจและการค้าเสรีตามที่รัฐธรรมนูญม.84 พ.ศ. 2550 บัญญัติไว้

ส่วนเหตุผลที่ต้องเปิดสัมปทานเนื่องจากก๊าซธรรมชาติที่มีสำรองนั้นพบว่าเหลือใช้ไม่ถึง 13 ปี และกว่าร้อยละ 65 ของพลังงานทั้งหมดต้องอาศัยก๊าซธรรมชาติ อีกทั้งปัจจุบันประเทศมีความต้องการใช้พลังงานกว่าปีละ 1.8ล้านล้านลูกบาศก์ฟุต ทำให้มีความเสี่ยงที่จะไม่พอใช้ ทำให้ประเทศกำลังเข้าสู่วิกฤตด้านพลังงานแล้ว และก๊าซยังเป็นพลังงานที่ได้มาแล้วหมดไป อีกทั้งจากโครงสร้างพื้นฐานยังพบว่ามีความสามารถนำเข้าก๊าซได้น้อยกว่าความต้องการของประชาชน อย่างไรก็ดียอมรับว่าการสำรวจรอบที่ 20 นั้นเจอพื้นที่พลังงานเพียง 5 ที่ต่อหนึ่งแปลงเท่านั้น ส่วนการสำรวจก็มีเงื่อนไขอยู่ที่ภาคธรณีวิทยาใต้พื้นดิน ไม่ได้อยู่ตามขอบเขตของแต่ละจังหวัด

ด้านนาย ธีรชัย ภูวนาถนรานุบาล ตัวแทนประชาชน ระบุว่า ต่างประเทศมีกฎหมายบังคับเอกชนให้ดำเนินการตามต่างๆเป็นไปตามขอบเขตภาครัฐ ดังนั้นควรมีการแก้กฎหมาย เพื่อป้องกันความเป็นห่วงกับประชาชน

ขณะที่ พล.ต.สรรเสริญ แก้วกำเนิด รองโฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี กล่าวถึงการเปิดเวทีในวันนี้ ว่า นายกรัฐมนตรีได้แสดงความเป็นห่วง และอยากให้มีทางออกเรื่องดังกล่าว และได้มอบหมายให้ ม.ล.ปนัดดา ดิศกุล รัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรี ร่วมรับฟัง ซึ่งจะเก็บข้อมูลทั้งหมดมารวบรวบเพื่อประเมินว่าจะดำเนินการอย่างไร หวังว่าจะเป็นเวทีท้ายๆ ในการหาทางออกเรื่องนี้ สำหรับประเด็นสำคัญที่จะหารือมีเพียง 2 ประเด็น คือเกี่ยวกับข้อกฎหมาย ว่าครบถ้วนหรือมีช่องโหว่หรือไม่ หากจะเดินหน้าเปิดสัมปทานปิโตรเลียมรอบที่ 21 หรือจะมีกฎหมายรองรับหากจะเดินหน้าในรูปแบบอื่นหรือไม่ ซึ่งต้องคำนึงถึงผลกระทบและ ผลกระทบ ไม่ว่าจะดำเนินการทางใดทางหนึ่ง จะมีการบริหารผลกระทบที่เกิดขึ้นอย่างไร ซึ่งทั้งหมดต้องชี้แจงให้ชัดเจน และขอให้ประชาชนร่วมรับชม และแยกแยะระหว่างข้อเท็จจริง เหตุผล กับอารมณ์และความรู้สึก