ผลการศึกษาเรื่องการฉีดวัคซีนบูสเตอร์ โดยบริษัทไฟเซอร์/ไบโอเอ็นเทค ผู้ผลิตวัคซีนสหรัฐฯ-เยอรมนี ศึกษาจากอาสาสมัครชาวอเมริกันอายุ 16 ปีขึ้นไปจำนวน 10,000 คน ซึ่งรับวัคซีนบูสเตอร์ 11 เดือน หลังรับวัคซีนไฟเซอร์เข็มที่ 2 บ่งชี้ว่า การฉีดวัคซีนบูสเตอร์หรือวัคซีนเข็มที่ 3 ด้วยวัคซีนไฟเซอร์จะช่วยเพิ่มภูมิคุ้มกันให้สูงขึ้นในอัตราร้อยละ 95.6 ทั้งมีความปลอดภัยและสามารถป้องกันเชื้อไวรัสเดลตา
ผลศึกษาดังกล่าวถูกเผยแพร่โดยบริษัทไฟเซอร์/ไบโอเอ็นเทค หนึ่งวันหลังจากองค์การอาหารและยา(FDA)ของสหรัฐฯอนุญาตให้ใช้วัคซีนโมเดอร์นาและวัคซีนจอห์นสัน แอนด์ จอห์นสัน สำหรับฉีดบูสเตอร์สำหรับคนอายุ 65 ปีขึ้นไป มีโรคประจำตัวหรือมีภูมิคุ้มกันบกพร่อง ทั้งอนุญาตให้ชาวอเมริกันมีสิทธิ์เลือกว่าพวกเขาจะเลือกใช้วัคซีนใดในกลุ่มวัคซีนซึ่งทางการสหรัฐฯอนุมัติให้ใช้ในกรณีฉุกเฉิน เช่น วัคซีนจากไฟเซอร์ โมเดอร์นาหรือวัคซีนจอห์นสัน แอนด์ จอห์นสัน เป็นวัคซีนบูสเตอร์
ก่อนหน้านี้ หน่วยงานควบคุมกฏระเบียบวัคซีน เช่น FDA และศูนย์ป้องกันและควบคุมโรค(CDC)ของสหรัฐฯอนุมัติให้ใช้วัคซีนไฟเซอร์เป็นวัคซีนสำหรับฉีดบูสเตอร์สำหรับคนอายุ 65 ปีขึ้นไป กลุ่มคนไข้ที่มีโรคประจำตัวและผู้มีภูมิคุ้มกันบกพร่อง โดยให้ฉีดวัคซีนบูสเตอร์ให้กับคนไข้ 6 เดือนหลังฉีดวัคซีนไฟเซอร์เข็มที่ 2 อ้างอิงผลการศึกษาก่อนหน้านี้ว่า 4 เดือนหลังฉีดวัคซีนเข็มที่ 2 ประสิทธิภาพของวัคซีนจะลดลงมาที่ร้อยละ 84 จากเดิมร้อยละ 96
#สหรัฐฯ
#ผลศึกษาของไฟเซอร์
#วัคซีนบูสเตอร์