*ทันสถานการณ์โลก 06.30 น.
+++สำนักอุตุนิยมวิทยาออสเตรเลียประกาศเตือนภัยพายุไซโคลน2ลูกซึ่งมีชื่อเรียกท้องถิ่นว่า “ไซโคลนแซนวิช” โดยพายุทั้ง2ลูกคาดว่าจะเคลื่อนตัวพัดถล่มพื้นที่ทางตอนเหนือของประเทศในช่วงเช้าของวันศุกร์ ซึ่งพายุ2ลูกอยู่ห่างจากกันเป็นระยะทางประมาณ2,500กม.
พายุลูกแรกชื่อว่า ไซโคลนแลม จะเคลื่อนตัวพัดขึ้นฝั่งรัฐนอร์เทิร์นเทร์ริทอรี ซึ่งเป็นพื้นที่ที่มีประชาชนอาศัยอยู่เบาบาง ขณะที่พายุอีกลูกหนึ่งซึ่งมีกำลังแรงกว่ามีชื่อว่าไซโคลนมาร์เซียคาดว่าจะพัดถล่มชายฝั่งทะเลทางตะวันออกของรัฐควีนส์แลนด์ ไม่กี่ชั่วโมงหลังพายุลูกแรกพัดขึ้นฝั่ง โดยมีความเร็วลมกว่า295กม./ชม. มีอำนาจทำลายล้างสูง มีโอกาสเพิ่มกำลังแรงขึ้นก่อนพัดขึ้นฝั่งและอาจก่อให้เกิดน้ำท่วมในพื้นที่ต่ำ ไซโคลนมาร์เซียคาดว่าจะพัดขึ้นฝั่งที่เมืองเซนต์ลอว์เรนซ์ เมืองขนาดเล็กมีประชากรไม่กี่ร้อยคน ก่อนจะเคลื่อนตัวไปทางใต้พร้อมกับอ่อนกำลังลง ด้านประชาชนได้จัดเตรียมกระสอบทราย นำเทปมาติดหน้าต่าง รวมถึงกักตุนเสบียงอาหารเพื่อรับมือกับพายุที่กำลังเคลื่อนตัวเข้ามา
+++มิดเวสต์ของสหรัฐต้องเผชิญอาการหนาวถึงกระดูก โดยเฉพาะที่ชิคาโกซึ่งอุณหภูมิแตะระดับต่ำสุดเป็นประวัติการณ์ในวันพฤหัสบดี จนต้องสั่งปิดโรงเรียน คาดหมายว่ามวลอากาศเย็นจากอาร์คติกจะปกคลุมแถบตอนกลางของสหรัฐฯไปจนถึงเข้าวันศุกร์(20ก.พ.) หนึ่งวันหลังจากวัดอุณหภูมิในชิคาโก ได้ -22 องศาเซลเซียส ทุบสถิติต่ำสุดตลอดกาล -7 องศาเซลเซียส ในปี 1936 บ็อบ โอราเวค นักอุตุนิยมวิทยาจากสำนักงานพยากรณ์แห่งชาติสหรัฐฯกล่าว พร้อมเผยว่าแต่ด้วยแรงปะทะของลม ทำให้อุณหภูมิในชิคาโก รู้สึกเหมือน -25 องศาเซลเซียสขณะที่ประชาชนสัญจรอย่างยากลำบาก เนื่องจากต้องใช้ผ้าคลุมหน้าจนเห็นแค่ดวงตาเท่านั้น สภาพอากาศหนาวเย็น มุ่งหน้าไปทางตะวันออก ส่งผลกระทบต่อ ประชาชนที่ต้องออกเดินทางในตอนเช้าวันศุกร์(20ก.พ.) ไล่ตั้งแต่บอสตัน ไปจนถึงริชมอนด์ ในเวอร์จิเนีย และคาดหมายว่าอุณหภูมิจะลดต่ำลงไปอีก
+++รัฐบาลเดนมาร์กประกาศเสนอแผนอัดฉีดงบประมาณจำนวน970ล้านโครเนอร์(4,160ล้านบาท) เพื่อใช้สำหรับต่อต้านการก่อการร้าย หลังเกิดเหตุโจมตีงานสัมนาเสรีภาพการแสดงความคิดเห็น และโบสถ์ชาวยิวเมื่อสุดสัปดาห์ที่ผ่านมา กลางกรุงโคเปนเฮเกนทำให้มีผู้เสียชีวิต2ราย บาดเจ็บ5ราย ทั้งนี้แผนดังกล่าวร่างขึ้นมาตั้งแต่เดือนที่แล้ว ซึ่งสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรต้องการให้ทบทวนแผนรับมือการก่อการร้ายหลังเกิดเหตุโจมตีกรุงปารีสโดยกลุ่มหัวรุนแรง
+++การประชุมต่อต้านการแพร่กระจายของลัทธิหัวรุนแรงไปทั่วโลก ซึ่งจัดขึ้นที่ทำเนียบขาว เป็นเวลา 3 วัน ที่ประชุมกว่า 60 ประเทศ ร่วมประณามกลุ่มติดอาวุธรัฐอิสลามหรือไอเอสที่พยายามหาทางทำให้ตัวเองถูกมองว่าเป็นตัวแทนของผู้นำทางศาสนา ผู้นำสหรัฐ กล่าวว่า การประกาศตัว เป็นนักรบที่ศักดิ์สิทธิ์ที่ทำการปกป้องศาสนาอิสลาม รวมทั้งโฆษณาชวนเชื่อความคิดที่ว่าสหรัฐและชาติตะวันตกโดยทั่วไปกำลังทำสงครามกับศาสนาอิสลาม ซึ่งเป็นเรื่องโกหก และเป็นวิธีการที่กลุ่มไอเอสนำมาเกณฑ์กำลังและทำให้คนหนุ่มสาวกลายเป็นพวกหัวแข็งกร้าว โดยย้ำว่า สหรัฐทำสงครามกับก่อการร้ายไม่ได้ทำสงครามศาสนา
++++หนังสือพิมพ์เฮอร์ริเยตของตุรกีรายงานอ้างสำนักข่าวกรองแห่งชาติว่า ขณะนี้แกนนำระดับสูงหลายคนของกลุ่มรัฐอิสลาม(ไอเอส)โดยเฉพาะผู้เชี่ยวชาญด้านก่อเหตุระเบิดฆ่าตัวตายและการวางระเบิดโจมตีได้เข้าไปยังตุรกีและพักอยู่ในเซฟท์เฮ้าสเพื่อตระเตรียมแผนก่อเหตุโจมตีสถานทูตหลายแห่งในกรุงอังการาและนครอิสตันบูล โดยเฉพาะชาติพันธมิตรที่เข้าไปร่วมปฏิบัติการปราบปรามกลุ่มไอเอสในซีเรีย แต่ไม่ได้ระบุชัดเจนว่ามีแกนนำกลุ่มไอเอสเข้าไปยังตุรกีแล้วกี่คน นักรบราว 3,000 คนจากกลุ่มไอเอสในซีเรียและอิรักวางแผนจะเข้าไปยังพื้นที่ภาคใต้ของตุรกี หลังล้มเหลวในการบุกยึดเมืองโคบานีของซีเรีย ที่มีประชากรส่วนใหญ่เป็นชาวเคิร์ด นอกจากนี้ กลุ่มติดอาวุธสัญชาติซีเรียและปาเลสไตน์วางแผนจะเข้าไปยังบัลแกเรีย เพื่อก่อเหตุโจมตีประเทศในกลุ่มสหภาพยุโรป ด้านสำนักงานตำรวจและสำนักข่าวกรองแห่งชาติตุรกีไม่ได้ให้ความเห็นในเรื่องนี้ ที่ผ่านมาสหรัฐฯพร้อมด้วยพันธมิตรยุโรปและอาหรับได้ให้การช่วยเหลือแก่กองกำลังชาวเคิร์ดในการปกป้องเมืองโคบานีให้พ้นจากเงื้อมมือของกลุ่มไอเอส
+++ทำเนียบประธานาธิบดีฝรั่งเศสกล่าวในแถลงการณ์ว่า ประธานาธิบดีฟรองซัวส์ ออลลองด์ ของฝรั่งเศส, นายกรัฐมนตรีอังเกลา แมร์เคิล ของเยอรมนี ประธานาธิบดีเปโตร โปโรเชงโก ของยูเครน และประธานาธิบดีวลาดิเมียร์ ปูตินของรัสเซีย เห็นพ้องกันว่าจะผลักดันให้มีการปฏิบัติตามข้อตกลงหยุดยิงในยูเครนต่อไปหลังยังมีการสู้รบในยูเครนในช่วง 2-3 วัน อาจจะกระทบต่อการใช้แนวทางการทูตเพื่อแก้ไขวิกฤติ ผู้นำทั้ง 4 ได้ประณามว่า การหยุดยิงละเมิดข้อตกลงและเห็นตรงกันว่าควรจะดำเนินการตามที่ตกลงกันในกรุงมินสก์เมื่อวันที่ 12 กุมภาพันธ์ อย่างเคร่งครัดและโดยครบถ้วน
+++อังกฤษได้ส่งเครื่องบินรบขึ้นตามประกบเครื่องบินทิ้งระเบิดรุ่นตู-95 แบร์ เอช 2 ลำของรัสเซียเมื่อวานนี้ หลังตรวจพบบินเข้าใกล้ชายฝั่งเทศมณฑลคอนวอลล์ ทางตะวันตกเฉียงใต้ของอังกฤษ ระบุว่า เครื่องบินรบอังกฤษบินตามประกบเครื่องบินรัสเซียไปจนกระทั่งออกห่างจากน่านฟ้าของอังกฤษ โดยเครื่องบินทั้ง 2 ลำของรัสเซียไม่ได้ล้ำเข้าสู่น่านฟ้าอังกฤษแต่อย่างใด เหตุการณ์นี้มีขึ้นหลังจากนายไมเคิล ฟอลลอน รัฐมนตรีกลาโหมอังกฤษเตือนถึงภัยคุกคามที่มีอยู่จริงจากการที่รัสเซียพยายามจะทำลายความมั่นคงภายในของ 3 ประเทศในแถบทะเลบอลติกคือ ลัตเวีย ลิทัวเนียและเอสโตเนีย พร้อมทั้งแสดงความเป็นกังวลเรื่องการแทรกแซงกิจการภายในจากรัสเซีย
+++นายมาร์การิติส ชินาส โฆษกกระทรวงการคลังของเยอรมนี ว่าเยอรมนีไม่รับข้อเสนอของกรีซที่ขอให้มีการยืดอายุโครงการเงินกู้ของยูโรโซนออกไปอีก 6 เดือน หลังมีสัญญาณก่อนหน้านี้ว่ามีความเป็นไปได้ที่จะมีการรอมชอมกันในเรื่องดังกล่าว ระบุว่าเป็นข้อเสนอที่ไม่มีสาระสำคัญพอที่จะแก้ไขปัญหาหนี้ของกรีซได้ ด้านรัฐบาลกรีซต้องการจะเจรจาขอยืดอายุข้อตกลงเรื่องช่วยกู้วิกฤติต่อไปอีก 6 เดือน แทนการขอยืดอายุข้อตกลงเดิมมูลค่า 240,000 ล้านยูโรออกไปเนื่องจากมีเงื่อนไขการประหยัดค่าใช้จ่ายที่เข้มงวดเกินไป
+++ด้านนายจอห์น พลาสซาร์ด นักวิเคราะห์จากบริษัทหลักทรัพย์มิราเบาด์ ซิเคียริตีของเยอรมนี กล่าวว่า นักลงทุนมองว่าแม้ว่าจะมีการบรรลุข้อตกลงได้ ก็ไม่ได้หมายความว่าปัญหาของกรีซจะได้รับการแก้ไข ระบุว่านักลงทุนยังมีความเคลือบแคลงใจว่ากรีซจะปฏิบัติตามข้อตกลงโดยครบถ้วนหรือไม่ คาดว่าเงินคงคลังของกรีซจะหมดลงในช่วงปลายเดือนนี้ หากไม่มีการทำข้อตกลงกับยูโรโซนและคาดว่าการแห่ถอนเงินสดจากธนาคารต่างๆของกรีซจะเกิดขึ้นอย่างต่อเนื่อง
+++ดัชนีดาวโจนส์ลดลง 44.08 จุด หรือ 0.24% ปิดที่ 17985.77 จุด หุ้นของบริษัท วอลมาร์ท ลดลง 3.2% หลังจากเปิดเผยตัวเลขคาดการณ์ผลกำไรต่ำกว่าที่คาด เนื่องจากแผนเพิ่มค่าแรงแก่แรงงาน 500,000 คนในสหรัฐฯ ขณะที่หุ้นของบริษัทกลุ่มพลังงานอย่าง เชฟรอน และ เอ็กซอนโมบิล ลดลง 1.9% และ 1.7% ตามลำดับ จากการลดลงของราคาน้ำมัน
+++ด้านราคาน้ำมัน ปรับตัวลดลง ต่อเนื่อง ไลท์ครูท นิวยอร์ค ลดลง 64 เซนต์ อยู่ที่ 51 เหรียญ 50 เซนต์/บาร์เรล เบรนทะเลเหนือ ลดลง 28 เซนต์ อยู่ที่ 60 เหรียญ 25 เซนต์ ต่อ บาร์เรล ส่วนราคาทองคำโคเม็กซ์ ปิดเพิ่มขึ้น 6 เหรียญ 50 เซนต์ ที่ 1,206 เหรียญ 70 เซนต์ต่อออนซ์
++++นายซูเลย์มาน เอส ชายผิวดำวัย 33 ปี ที่ถูกแฟนบอลสโมสรเชลซีตะโกนเหยียดผิวและผลักลงจากรถไฟฟ้าใต้ดินสถานีริเชลี-โดรททางตอนกลางของกรุงปารีส ได้เรียกร้องให้สโมสรเซลซีลงโทษแฟนบอลที่เกี่ยวข้อง ตอนแรกเขาไม่ทราบว่ามีการถ่ายคลิปเหตุการณ์นั้น และไม่กล้าบอกเรื่องนี้ให้ใครทราบ แม้แต่ลูกๆของเขา แต่พอเห็นคลิปนั้นถูกเผยแพร่ทางอินเตอร์เน็ต ทำให้เขากล้าพอที่จะไปแจ้งความกับตำรวจ ระบุว่าเขาไม่เข้าใจสิ่งที่แฟนบอลเชลซีพูด แต่รู้ว่าถูกกลั่นแกล้งเนื่องจากเขาเป็นคนผิวดำ ด้านสโมสรเชลซีกล่าวในแถลงการณ์ว่าจะร่วมมือกับตำรวจอย่างเต็มที่ พร้อมเพิ่มเติมว่าแฟนบอลที่เกี่ยวข้องจะถูกห้ามเข้าชมการแข่งขันของเชลซี ด้านนายพอล โนลัน ชาวอังกฤษที่อาศัยอยู่ในกรุงปารีส ซึ่งใช้โทรศัพท์มือถือของเขาบันทึกภาพเหตุการณ์นั้นกล่าวถึงกรณีนั้นว่า ดูน่าเกลียดและก้าวร้าวมาก