การต้องปาราชิกของ พระธัมชโย หรือ พระเทพญาณมหามุนี (ไชยบูลย์ ธมฺมชโย) เจ้าอาวาสวัดธรรมกาย และประธานมูลนิธิธรรมกาย นายสุวพันธ์ ตันยุวรรธนะ รัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรี เปิดเผยว่า กรณีปาราชิกพบอยู่ในพระลิขิตฉบับที่ 3 จากทั้งหมด 6 ฉบับ เดิมมี 2 เรื่อง คือเรื่องยักยอกที่ดินของวัดไว้เป็นของตน แต่ได้มีการถอดฟ้องในปีพ.ศ. 2549 และอีกเรื่องคือ ความผิดปาราชิกซึ่งยังไม่พบหลักฐานที่เป็นมติของมหาเถรสมาคม ซึ่งเป็นเรื่องของคณะสงฆ์ ซึ่งในวันพรุ่งนี้ พระมหาเถรสมาคม ก็จะมีการประชุมครั้งใหญ่ โดยขอให้รอ ว่าผลจะเป็นอย่างไร ซึ่งฝ่ายรัฐบาลจะทำให้ดีที่สุด และเชื่อว่าทุกอย่างต้องมีข้อยุติ แต่บอกไม่ได้ว่าจะเป็นอย่างไร ย้ำว่า รัฐบาลมีหน้าที่ในการส่งเสริมและปกป้องให้พระพุทธศาสนาให้ได้รับความศรัทธา แต่ไม่สามารถชี้ขาดให้ พระธัมชโย ปาราชิก ได้
ก่อนหน้านี้ คณะกรรมาธิการการศาสนา สภาปฏิรูปแห่งชาติ (สปช.) ที่มีนายไพบูลย์ นิติตะวัน เป็นประธาน ได้เชิญผู้แทนสำนักงานพระพุทธศาสนาแห่งชาติ มาชี้แจงพร้อมหลักฐาน ในกรณีของ พระเทพญาณมหามุนี (ไชยบูลย์ ธมฺมชโย) เจ้าอาวาสวัดธรรมกาย และประธานมูลนิธิธรรมกาย ซึ่งการชี้แจ้งชี้ชัดว่า พระเทพญาณมหามุนี นั้นเป็นปาราชิกขาดจากความเป็นภิกษุ และต้องมอบสมบัติทั้งหมดที่เกิดขึ้นขณะเป็นพระให้แก่วัดทันที ตามลิขิตสมเด็จพระญาณสังวร สมเด็จพระสังฆราช สกลมหาสังฆปริณายก ซึ่งมีพระลิขิตลงวันที่ 26 เมษายน 2542 โดยมหาเถรสมาคมก็ได้มีมติรับทราบพระลิขิตดังกล่าวแล้ว