หลังจากที่สัญญาน้ำมันดิบล่วงหน้าเวสต์เทกซัส อินเตอร์มีเดียต หรือไลต์สวีตครูด พุ่งขึ้นกว่า 1% เหนือระดับ 83 ดอลลาร์ ทำสถิติสูงสุดในรอบ 7 ปี เกิดขึ้นจากหลายสาเหตุ
-ความต้องการใช้พลังงานมากขึ้น หลังจากที่หลายประเทศเปิดเศรษฐกิจ
-รัฐบาลสหรัฐฯเตรียมเปิดให้ชาวต่างชาติเดินทางเข้าประเทศได้
-อากาศหนาวเย็นที่กำลังมาเยือนซีกโลกเหนือ
-ตลาดน้ำมันปิดตลาดเมื่อคืนนี้ สัญญาน้ำมันดิบเวสต์เทกซัส อินเตอร์มีเดียต หรือไลต์สวีตครูด งวดส่งมอบเดือนพ.ย.64 เพิ่มขึ้น 16 เซนต์ ปิดที่ 82.44 ดอลลาร์ต่อบาร์เรล
-เบรนต์ทะเลเหนือลอนดอน งวดส่งมอบเดือนธ.ค.64 ลดลง 53 เซนต์ ปิดที่ 84.33 ดอลลาร์ต่อบาร์เรล
ในส่วนของบ้านเรา เช้านี้มีการปรับขึ้นราคาน้ำมันทุกชนิด 60 สตางค์/ลิตร ยกเว้น E85 ปรับขึ้น 40 สตางค์/ลิตร
ทำเนียบขาวของสหรัฐฯ แถลงว่า รัฐบาลสหรัฐฯ กดดันกลุ่มประเทศผู้ส่งออกน้ำมัน (โอเปก) ให้เพิ่มการผลิตน้ำมัน เพื่อสกัดราคาน้ำมันที่พุ่งขึ้น
นางเจน ซากี โฆษกทำเนียบขาว กล่าวว่า รัฐบาลกำลังแก้ไขปัญหาการขนส่งพลังงาน รวมทั้งการฉวยโอกาสตั้งราคาสูงเกินควร
อย่างไรก็ดี ซาอุดีอาระเบียได้ปฏิเสธข้อเรียกร้องจากสหรัฐฯก่อนหน้านี้ที่ต้องการให้โอเปกและชาติพันธมิตร หรือโอเปกพลัส เพิ่มกำลังการผลิตน้ำมัน
โอเปกพลัส มีมติเพิ่มกำลังการผลิตน้ำมันเพียงวันละ 400,000 บาร์เรล ในเดือนพ.ย.64 แม้ว่าหลายประเทศ เช่น สหรัฐฯ และ อินเดีย ต่างกดดันให้โอเปกพลัสเพิ่มกำลังการผลิตมากขึ้น นักลงทุนจับตาการประชุมของโอเปกพลัสในวันที่ 4 พ.ย.64เพื่อกำหนดนโยบายการผลิตน้ำมันสำหรับเดือนธ.ค.64
ด้านนายฟูมิโอะ คิชิดะ นายกรัฐมนตรีญี่ปุ่น ประชุมฉุกเฉินร่วมกับคณะรัฐมนตรี ติดตามสถานการณ์น้ำมันอย่างใกล้ชิดว่าจะมีผลกระทบต่ออุตสาหกรรมภายในประเทศและต่อภาคครัวเรือน พร้อมทั้งเตรียมเรียกร้องให้ประเทศผู้ผลิตน้ำมันรายใหญ่เพิ่มกำลังการผลิต
นายคิชิดะ สั่งการให้รัฐมนตรีประสานงานสำนักงานพลังงานสากล (IEA) เพื่อเรียกร้องให้ประเทศผู้ผลิตน้ำมันเพิ่มการผลิตและดำเนินการตามความเหมาะสมอย่างรวดเร็ว เพื่อช่วยบรรเทาผลกระทบเชิงลบในอุตสาหกรรมต่าง ๆ
ความเคลื่อนไหวดังกล่าวส่งผลให้ราคาน้ำมันในญี่ปุ่นพุ่งสูงขึ้น ซึ่งอาจส่งผลกระทบต่อการใช้จ่ายของภาคครัวเรือน ในช่วงเวลาที่การเดินทางภายในประเทศมีแนวโน้มเพิ่มขึ้น หลังจากที่ญี่ปุ่นยกเลิกภาวะฉุกเฉินเมื่อช่วงต้นเดือน
#น้ำมันโลกแพง
แฟ้มภาพ