*ความเคลื่อนไหวเมืองไทยวันนี้เวลา08.30น.*

19 กุมภาพันธ์ 2558, 08:51น.


+++ก่อนที่จะถึงกำหนดการเปิดเวทีหารือเรื่องพลังงาน ในวันนี้ กลุ่มคัดค้านการเปิดสัมปทานปิโตรเลียมรอบที่ 21 ขอประสานเพื่อขอเข้าพบม.ล. ปนัดดา ดิสกุล  รมต.ประจำสำนักนายกฯ  เพื่อขอปรับเปลี่ยนรูปแบบการจัดเวที นายธีระชัย ภูวนาถนรานุบาล อดีตรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง  กล่าวว่าคณะผู้ร่วมหารือมีข้อเสนอถึงพล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกฯ ในการปรับรูปแบบการจัดเวทีชี้แจง จากเดิมที่รัฐเป็น ผู้กำหนดให้ตัวแทนภาคประชาชนเพียง 4 คน ขึ้นอภิปรายในลักษณะของการโต้วาทีกับตัวแทน ของภาครัฐ  โดยเสนอให้เป็นการประชุมหารือวงเล็ก  ให้มีการเชิญพล. อ.ประยุทธ์ นั่งเป็นประธาน เพื่อรับฟังข้อเสนอ  ขณะภาคประชาชน กำหนดให้นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ เป็นผู้นำในการเสนอประเด็นทั้งหมด โดยที่มีผู้ทรงคุณวุฒิ และนักวิชาการแต่ละฝ่ายมาร่วมรับฟังและตั้งข้อสังเกต ซึ่งจะทำให้ นายกฯ  ได้รับทราบข้อคิดเห็นต่างๆ ได้โดยตรง ซึ่งจะเป็นประโยชน์ในการหาข้อยุติร่วมกันได้ดีกว่ารูปแบบเดิมที่รัฐวางเอาไว้เรียกร้องแก้พรบ.ปิโตรเลียม   นายธีระชัย กล่าวว่า ขณะนี้ประเด็นการคัดค้าน การเปิดสัมปทานปิโตรเลียมรอบที่ 21 ไม่ใช่เรื่องของการที่จะมาถกเถียงกันในเรื่องทางเทคนิคกันแล้ว แต่เป็นเรื่องของการบริหารจัดการที่ต้องการการตัดสินใจในเชิงนโยบายด้านพลังงาน หากไม่สามารถที่จะจัดได้ทันวันที่ 20 ก.พ.นี้ ก็สามารถที่จะเลื่อนระยะเวลาออกไปเป็นสัปดาห์ถัดไปได้



+++ที่ประชุมคณะรัฐมนตรี (ครม.) มีมติเห็นชอบมาตรการเพิ่มประสิทธิภาพการเบิกจ่ายงบประมาณ 4 มาตรการ ตามที่สำนักงบประมาณเสนอหลังจากมีการเบิกจ่ายงบลงทุนล่าช้ากว่าเป้า 1.2 แสนล้านบาท  สำหรับมาตรการแรก ให้ส่วนราชการ รัฐวิสาหกิจ และหน่วยงานที่มีความพร้อม ดำเนินการก่อหนี้ผูกพันให้ได้ภายในวันที่ 31 มี.ค.นี้ และเร่งเบิกจ่ายงบประมาณให้ได้ภายในวันที่ 30 ก.ย. 2558 มาตรการที่สอง หากหน่วยงานไม่สามารถเริ่มดำเนินการหรือก่อหนี้ผูกพันโครงการได้ภายในวันที่ 31 มี.ค. หรือมีงบประมาณเหลือจ่ายที่ไม่สามารถเบิกจ่ายได้ทันวันที่ 30 ก.ย. 2558 ให้ปรับแผนการใช้จ่ายและโอนเปลี่ยนแปลงงบประมาณโครงการได้  มาตรการที่สาม หน่วยงานที่ได้รับการจัดสรรงบกลางไปใช้จ่ายแล้วมีเงินเหลือจ่าย ให้ส่งคืน สำนักงบประมาณ แต่หากจำเป็นเร่งด่วนต้องใช้จ่ายให้เสนอรัฐมนตรีพิจารณาก่อน มาตรการสุดท้าย ให้สำนักงบประมาณนำผลการเบิกจ่ายไปประกอบการพิจารณาการ จัดทำงบประมาณปี 2559 อย่างเข้มงวด



+++ นายสมศักดิ์ โชติรัตนะศิริ ผู้อำนวยการสำนักงบประมาณ เปิดเผยว่า ครม.ยังเห็นชอบให้ทุกหน่วยงานราชการถือว่าการเร่งรัดการเบิกจ่ายงบประมาณเป็นตัวชี้วัด (KPI) ในการประเมินผลหัวหน้าราชการ และในการติดตาม เร่งรัด การเบิกจ่ายงบของหน่วยงานในสังกัด รวมทั้งให้สำนักงบประมาณใช้เป็นตัวชี้วัดประสิทธิภาพในการจัดสรรงบประมาณปี 2559 ด้วย  การขออนุมัติเปลี่ยนแปลงงบประมาณในปีนี้ ถือว่าการเบิกจ่ายมีความจำเป็นในการกระตุ้นเศรษฐกิจ จึงต้องเร่งรัดการจัดซื้อจัดจ้าง ดังนั้นในปีนี้จะแตกต่างจากปีก่อนๆ ที่การขออนุมัติปรับเปลี่ยนงบประมาณจะทำในช่วงเดือน พ.ค.มิ.ย. แต่ในปีนี้จะเริ่มทำตั้งแต่หลังวันที่ 31 มี.ค. เพื่อให้เร่งเบิกจ่าย



++++พล.อ. ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกฯ  ประธานการประชุมคณะกรรมการร่วมภาครัฐและเอกชนเพื่อแก้ไขปัญหาทางเศรษฐกิจ (กรอ.) ขณะที่การหารือร่วมไทยจีน ซึ่งจีนจะเสนอการให้เงินกู้ดอกเบี้ยต่ำเพื่อสร้างรถไฟทางคู่ รางมาตรฐาน (Standard Gauge) ว่า ทุกอย่างเป็นเรื่องของการเจรจา ต่างฝ่ายต่างยื่นข้อเสนอกันมา ตอนนี้ทางจีนเสนอดอกเบี้ยมาร้อยละ 2.5 และเราต่อรองว่าให้ร้อยละ 2 นอกจากนี้เราจะมาดูอีกว่าจะสามารถได้ต่ำกว่าร้อยละ 2 หรือไม่ถ้าได้ก็โอเค แต่ถ้าไม่ได้ ส่วนไหนที่ได้ก็จะกู้มาจำนวนหนึ่ง ในส่วนที่อาจมีการลงทุนร่วมกัน บางส่วนอาจจะต้องไปกู้แหล่งเงินทุนอื่นที่ดอกเบี้ยราคาถูก



+++ด้านพล.อ.อ.ประจิน จั่นตอง รัฐมนตรีว่าการกระทรวงคมนาคม ระบุว่า ในวันที่ 10-11 มี.ค. จะมีการนัดประชุมความร่วมมือรถไฟไทย จีน ครั้งที่ 3 ที่กรุงเทพฯ และหนองคาย หารือถึงแนวทางการเงินที่ใช้ในโครงการลงทุน



+++ราคาน้ำมันดิบเวสต์เทกซัสอินเตอร์มีเดียต หรือไลต์สวีตครูด งวดส่งมอบเดือนมีนาคม ลดลง 1.39 ดอลลาร์ ปิดที่ 52.14 ดอลลาร์ต่อบาร์เรล ส่วนเบรนต์ลอนดอน งวดส่งมอบเดือนเมษายน ลดลง 2.00 ดอลลาร์ ปิดที่ 60.53 ดอลลาร์ต่อบาร์เรล กระทรวงพลังงานสหรัฐฯ จะเผยแพร่รายงานคลังเชื้อเพลิงสำรองรายสัปดาห์ในวันพฤหัสบดี(18ก.พ.) ท่ามกลางความคาดหมายว่าสต๊อกจะสูงขึ้นอย่างมากอีกสัปดาห์ หลังจากเมื่อสัปดาห์ที่แล้ว คลังน้ำมันดิบสำรองของอเมริกา แตะระดับสูงสุดที่ไม่เคยพบเห็นในช่วงเวลานี้มานานกว่า 80 ปี



+++ตลาดหุ้นนิวยอร์กปิดลบเมื่อคืนนี้ 18 กุมภาพันธ์  ดัชนีเฉลี่ยอุตสาหกรรมดาวโจนส์ปิดที่ 18,029.85 จุด ลดลง 17.73 จุด ดัชนี NASDAQ ปิดที่ 4,906.36 จุด เพิ่มขึ้น 7.09 จุด  ดัชนี S&P500 ปิดที่ 2,099.68 จุด ลดลง 0.66 จุด



+++ดัชนีดาวโจนส์ตลาดหุ้นนิวยอร์กปิดลบเพราะได้รับแรงกดดันจากการร่วงลงของหุ้นกลุ่มพลังงานและข้อมูลเศรษฐกิจที่ซบเซาของสหรัฐฯ อย่างไรก็ตาม ดัชนีดาวโจนส์ขยับลงเพียงเล็กน้อย เนื่องจากตลาดขานรับรายงานการประชุมของธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) ที่ระบุว่า กรรมการเฟดหลายคนได้แสดงความกังวลว่าการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยในเวลาที่รวดเร็วเกินไปอาจจะส่งผลกระทบต่อเศรษฐกิจ

+++ปัจจัยนี้ฉุดให้ราคาทองคำ  ขยับลงแตะระดับต่ำสุดในรอบเกือบ 7 สัปดาห์ โดยทองคำตลาดโคเม็กซ์ ลดลง 8.40 ดอลลาร์ ปิดที่ 1,200.40 ดอลลาร์ต่อออนซ์



+++ตามที่มีกฎหมายห้ามใช้โทรศัพท์เคลื่อนที่ขณะขับรถ ประชาชนยังไม่ปฏิบัติตามกฎอย่างเคร่งครัดนัก ดังนั้นทางการ รวมถึงหน่วยงานที่เกี่ยวข้องจำเป็นต้องเข้มงวดในเรื่องนี้ให้มากยิ่งขึ้นด้วย พล.ต.สรรเสริญ  แก้วกำเนิด รอง โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี เปิดเผยว่า ที่ประชุม ครม. อนุมัติหลักการร่างกฎกระทรวงว่าด้วยความปลอดภัยในการขนส่ง โดยปรับปรุงข้อกำหนดว่าด้วยความปลอดภัยในการขนส่งที่ผู้ประกอบการขนส่งด้วยรถที่ใช้ในการขนส่งผู้โดยสารและผู้ประจำรถต้องปฏิบัติใหม่ให้เหมาะสมยิ่งขึ้น โดยเพิ่มเติมข้อห้ามผู้ขับรถใช้คอมพิวเตอร์พกพา เพื่อใช้เป็นโทรศัพท์หรือ ใช้แอพพลิเคชั่นต่าง ๆ ในขณะขับรถ โดยให้ ผู้ขับรถต้องใช้เครื่องอุปกรณ์และส่วนควบที่กฎหมายกำหนดให้มีเท่านั้น  มีการเพิ่มเติมประเด็น นอกจากห้ามใช้คอมพิวเตอร์พกพาแล้ว ยังเพิ่มเติมข้อกำหนดว่าด้วยความปลอดภัยสำหรับผู้ประกอบการขนส่งด้วยรถที่ใช้ในการขนส่งสัตว์หรือสิ่งของต้องปฏิบัติขึ้นใหม่ทั้งหมด เช่น จัดให้มีสิ่งป้องกันมิให้สัตว์หรือสิ่งของที่บรรทุกตกหล่น รั่วไหล ส่งกลิ่น ส่องแสงสะท้อน หรือปลิวไปจากรถ อาจก่อเหตุเดือดร้อนรำคาญ ทำให้ทางสกปรกเปรอะเปื้อน ทำให้เสื่อมเสียสุขภาพอนามัยแก่ประชาชน หรือก่อให้เกิดอันตรายแก่บุคคลหรือทรัพย์สิน นอกจากนี้ เพิ่มเติมการจัดให้มีเครื่องหมาย หรือสัญญาณเมื่อมีเหตุต้องจอดรถในไหล่ทาง



+++นายประพนธ์ ปัทมกิจสกุล ผู้อำนวยการท่าอากาศยานสุวรรณภูมิ จัดพิธีต้อนรับนักท่องเที่ยวชาวจีนในเทศกาลตรุษจีน ประตูทางออกจากเครื่อง Gate D4อาคารเทียบเครื่องบิน Dชั้น2   รายงานข่าวจากศูนย์วิจัยกสิกรไทยแจ้งว่า  บรรยากาศชาวจีนเดินทางท่องเที่ยวต่างประเทศในช่วงเทศกาลตรุษจีนปีนี้คึกคัก ซึ่งปลายทางท่องเที่ยวส่วนใหญ่อยู่ในภูมิภาคเอเชีย และไทยก็ยังเป็นแหล่งท่องเที่ยวอันดับต้น ๆ ในหมู่นักท่องเที่ยวชาวจีน เห็นได้จากสถิติยอดจองตั๋วเครื่องบินโดยสารล่วงหน้าในช่วงไตรมาส 1 เพิ่มขึ้นร้อยละ 37 จากช่วงเดียวกัน ของปีที่แล้ว เมื่อเปรียบเทียบราคาแพ็กเกจทัวร์จากประเทศจีนไปยังแหล่งท่องเที่ยวยอดนิยมในช่วงนี้ พบว่า ระดับราคาแพ็กเกจทัวร์มายังประเทศไทยก็อยู่ในระดับที่สอดคล้องกับความนิยม โดย ราคาอยู่ในระดับกลางเมื่อเทียบกับเกาหลีใต้และญี่ปุ่น  ทั้งนี้ในไตรมาส 1 คาดว่านักท่องเที่ยวจีนเดินทางมาไทย 1.35 ล้านคน หรือ เติบโตร้อยละ 30.2 ทั้งปีอยู่ที่ 5.25 ล้านคน



+++นายวัลลภ สุวรรณดี ประธานที่ปรึกษาผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานคร(กทม.)       เปิดเผยว่า ภายหลังจากที่ศาลปกครองสูงสุดมีคำพิพากษาเมื่อวันที่ 9 ม.ค.  โดยคำพิพากษายืนตามคำพิพากษาของศาลปกครองชั้นต้น ยกเลิกจุดผ่อนผันให้ทำการค้าหาบเร่-แผงลอย บริเวณทางเท้าหน้าบ้านมนังคศิลาถึงโรงภาพยนตร์ปารีส ทำให้กทม.ต้องดำเนินการจัดระเบียบพื้นที่ให้กลุ่มผู้ค้าจำนวนกว่า 500 ราย ออกจากพื้นที่ ประชุมทำความเข้ากับกลุ่มผู้ค้า และกำหนดให้ผู้ค้าสามารถตั้งแผงขายสินค้าได้ถึงวันที่ 20 ก.พ.นี้เท่านั้น  หลังจากนั้น กทม.จะเข้าปรับภูมิทัศน์ และทำความสะอาดพื้นที่ ปลูกต้นไม้ ปรับปรุงทางเท้าและขีดสีตีเส้นพื้นผิวการจราจร เพื่อทำให้ถนนหลานหลวงเป็นถนนที่สะอาด มีความเป็นระเบียบเรียบร้อยมากกว่าเดิม       

       



 



 

ข่าวทั้งหมด

X