หลัง พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม แถลงข่าว "เปิดประเทศ" ไปเมื่อวันที่ 11 ต.ค.โดยระบุถึงการเปิดรับนักนักท่องเที่ยวจากประเทศความเสี่ยงต่ำ เข้ามายังประเทศไทยได้อย่างน้อย 10 ประเทศ โดยไม่ต้องกักตัว ในวันที่ 1 พ.ย.2564
นายยุทธศักดิ์ สุภสร ผู้ว่าการการท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย (ททท.) เปิดเผยว่า การเปิดประเทศวันที่ 1 พ.ย. ทาง ททท. ตั้งเป้าว่าในปี 2564 จะมีนักท่องเที่ยวต่างชาติเดินทางมาไทย 1 ล้านคน สร้างรายได้รวมการท่องเที่ยว จากทั้งตลาดในและต่างประเทศอยู่ที่ 3.2 แสนล้านบาท ส่วนปี 2565 ตั้งเป้าว่าจะมีนักท่องเที่ยวต่างชาติไม่น้อยกว่า 10 ล้านคน
โดยรายชื่อประเทศที่ ททท. เสนอที่ประชุม ศบค.สามารถเดินทางเข้าประเทศได้ โดยไม่ต้องกักตัว ซึ่งพิจารณาจากปัจจัยด้านเศรษฐกิจ และโอกาสทางการส่งเสริมตลาด รวม 20 ประเทศ ประกอบด้วย
-สหรัฐอเมริกา
-สหราชอาณาจักร
-เยอรมนี
-สวีเดน
-เดนมาร์ก
-ฟินแลนด์
-นอร์เวย์
-ฝรั่งเศส
-รัสเซีย
-จีน/ฮ่องกง
-ไต้หวัน
-ญี่ปุ่น
-เกาหลีใต้
-ออสเตรเลีย
-สิงคโปร์
-อิสราเอล
-สหรัฐอาหรับเอมิเรตส์
-สวิตเซอร์แลนด์
-มาเลเซีย
-อิตาลี
ทั้งนี้ ผู้ที่เดินทางเข้ามาในประเทศไทย จะต้องเป็นนักท่องเที่ยวที่ได้รับวัคซีนครบตามกำหนดแล้ว ซึ่งยึดหลักเกณฑ์กระทรวงสาธารณสุข เรื่องแบ่งกลุ่มประเทศ และดินแดน มีความความเสี่ยงสูง-กลาง-ต่ำ จากสถานการณ์โควิด-19 โดยใช้ดัชนีชี้วัด 3 ตัว
1. จำนวนผู้ป่วยโควิด ย้อนหลัง 14 วันของประเทศนั้นๆ
2. ใช้ดัชนีการประเมินผลตามกฎอนามัยระหว่างประเทศ พ.ศ. 2548 (International HealthRegulations 2005)
3. โดยผู้เชี่ยวชาญภายนอกประเทศประเมินร่วมกัน ใช้ดัชนีการจัดอันดับประเทศที่ฟื้นตัวจากโควิดใน 184 ประเทศทั่วโลกขององค์กร GCI Global Advisory Council ด้วยการใช้ Global COVID-19 Index (GCI)
อย่างไรก็ตาม สิ่งที่ต้องจับตาคือ ประเทศสหรัฐอเมริกา แม้มีอัตราการฉีดวัคซีนอันดับ 3 ของโลก 401 ล้านโดสครอบคลุม 62% ของประชากร แต่สหรัฐอเมริกา มียอดติดเชื้อรายวัน มากที่สุดในโลกเช่นกัน
โดยข้อมูล ณ วันที่ 14 ต.ค. สหรัฐอเมริกา พบผู้ป่วยรายใหม่ 99,206 คน มีอัตราติดเชื้อสะสม 45,546,217 คน ขึ้นแท่นประเทศที่ติดเชื้อโควิดสะสมอันดับ 1 ของโลก
#เข้าไทยไม่ต้องกักตัว
#10ประเทศเสี่ยงต่ำ
#โควิด19