นายเจอเรมี ฮันท์ ส.ส.พรรคอนุรักษ์นิยม พรรครัฐบาลอังกฤษ ในฐานะประธานคณะกรรมาธิการสาธารณสุขและสวัสดิการสังคมและนายเกรก คลาร์ก ส.ส.พรรคอนุรักษ์นิยมในฐานะประธานคณะกรรมาธิการวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีของสภาผู้แทนราษฎรอังกฤษ เผยแพร่รายงานขนาด 150 หน้า จัดทำร่วมกันโดยคณะกรรมาธิการทั้งสองชุด ชี้ว่าในระยะแรกๆของการแพร่ระบาดของโรคโควิด-19 ในอังกฤษช่วงต้นปีที่แล้ว รัฐบาลนายกรัฐมนตรีบอริส จอห์นสัน บริหารประเทศผิดพลาดร้ายแรงที่สุดเท่าเคยมีรัฐบาลมาบริหารประเทศ
เนื่องจากรัฐบาลและทีมนักวิทยาศาสตร์ของนายจอห์นสันมีแนวคิดว่า อังกฤษจะใช้วิธีสร้างภูมิคุ้มกันหมู่ (Herd Immunity)หรือการปล่อยให้ประชาชนส่วนใหญ่ติดเชื้อโรคโควิด-19 โดยหวังว่าเมื่อหายแล้วคนเหล่านี้จะมีภูมิคุ้มกันในตัว ส่งผลให้รัฐบาลเฉื่อยชา ไม่เร่งจัดทำแผนควบคุมการแพร่ระบาดแต่เนิ่นๆ โดยเฉพาะภายหลังพบคนไข้คนแรกในอังกฤษเมื่อวันที่ 31 มกราคมปีก่อน
ข้อบกพร่องต่อมาคือ ล่าช้าในการประกาศใช้มาตรการล็อกดาวน์ครั้งแรก เมื่อวันที่ 23 มีนาคม เป็นเหตุหนึ่งที่ทำให้ผู้ป่วยเสียชีวิตกว่า 150,000 ราย นับเป็นสถิติการเสียชีวิตมากที่สุดในรอบ 100 ปี โดยเฉพาะยุคหลังสงครามโลกครั้งที่ 2
ขณะเดียวกัน รายงานฉบับนี้ ชื่นชมโครงการวัคซีนของอังกฤษ ตั้งแต่ขั้นตอนการลงมือวิจัยและพัฒนาวัคซีนไปจนถึงการเริ่มต้นกระจายวัคซีนเมื่อวันที่ 8 ธันวาคมปีก่อนว่า เป็นหนึ่งในโครงการที่มีประสิทธิภาพมากที่สุดในประวัติศาสตร์ของประเทศ
รายงานนี้ ยอมรับว่าการแพร่ระบาดของโรคโควิด-19 ซึ่งเป็นโรคอุบัติใหม่ เป็นเรื่องยากที่รัฐบาลจะบริหารสถานการณ์การแพร่ระบาดได้อย่างถูกต้อง จึงเป็นธรรมดาที่รัฐบาลจะมีทั้งผลงานที่โดดเด่นและความล้มเหลวในเรื่องการบริหารจัดการเกี่ยวกับโรคโควิด-19 ถือเป็นบทเรียนสำคัญที่รัฐบาลจะได้นำไปศึกษาเพื่อปรับปรุงข้อบกพร่องต่างๆในอนาคต
ด้านโฆษกรัฐบาล กล่าวว่า รัฐบาลจะเปิดเวทีไต่สวนสาธารณะในเรื่องนี้ในปีหน้า เพื่อรับฟังความคิดเห็นจากภาคประชาชนเพื่อให้ได้ข้อมูลที่ครบถ้วน
#เปิดผลงานรัฐบาลอังกฤษ
#แก้โควิดผิดพลาด