กรณีที่มีการเผยแพร่รายงานการวิจัยหลายฉบับที่ระบุว่าภายหลังจากที่ฉีดวัคซีนป้องกันโควิด-19 แล้วระดับภูมิคุ้มกันจะลดลง และทำให้ผู้ผลิตวัคซีนหลายแห่งยื่นเรื่องขออนุมัติการฉีดวัคซีนเข็มกระตุ้น โดยที่สหรัฐฯ บริษัทไฟเซอร์ได้ยื่นเรื่องต่อคณะกรรมการอาหารและยาของสหรัฐฯ หรือเอฟดีเอ เพื่อขออนุมัติการฉีดวัคซีนกระตุ้นให้แก่ผู้ที่รับวัคซีนเข็มที่ 2 นานกว่า 6 เดือนแล้ว
ดร.แอนน์ ฟัลซีย์ ผู้เชี่ยวชาญด้านโรคระบบทางเดินหายใจจากไวรัสของคณะแพทยศาสตร์มหาวิทยาลัยโรเชสเตอร์ กล่าวว่า ระดับของภูมิคุ้มกันจะค่อยๆ ลดลงเมื่อเวลาผ่านไป แต่ก็ไม่ใช่เหตุผลที่ทำให้เกิดความตื่นตระหนก เพราะไม่ใช่การกลับไปอยู่ในภาวะที่ยังไม่ได้รับวัคซีนที่ไม่มีภูมิคุ้มกัน ทั้งยืนยันว่า วัคซีนที่มีการใช้งานอยู่ในประสิทธิภาพที่ดี ทั้งไฟเซอร์ โมเดอร์นา และจอห์นสันแอนด์จอห์นสัน ในการป้องกันการเกิดอาการรุนแรง
โดยในสัปดาห์ที่ผ่านมา มีชาวอเมริกัน 7 ล้านคนที่เข้ารับวัคซีนเข็มกระตุ้นของไฟเซอร์แล้ว และคาดว่าภายในสิ้นเดือนนี้ เอฟดีเอ จะอนุญาตให้ โมเดอร์นาและจอห์นสันแอนด์จอห์นสัน ฉีดวัคซีนเข็มกระตุ้น ซึ่งศูนย์ควบคุมและป้องกันโรคแห่งสหรัฐฯ หรือซีดีซี มีคำเตือนอย่างต่อเนื่องว่าแม้จะฉีดวัคซีนครบแล้วแต่ก็ยังต้องระมัดระวังการติดเชื้อต่อไป มีการสวมหน้ากากอนามัยเมื่ออยู่ท่ามกลางผู้คนจำนวนมาก โดยเฉพาะภายในสถานที่ปิด มีการจัดการให้ห้องมีอากาศถ่ายเทได้ดี ดร.แอนโธนี ฟาวซี ผู้อำนวยการสถาบันโรคภูมิแพ้และโรคติดเชื้อแห่งชาติ กล่าวว่า ในช่วงเวลาต่อไปวัคซีนเข็มกระตุ้นจะกลายเป็นส่วนหนึ่งของระบบการป้องกันโควิด-19
...
#สหรัฐอเมริกา
#วัคซีนโควิด
#วัคซีนบูสเตอร์