กรมชลประทาน ลดการระบายน้ำเขื่อน คาดระดับน้ำในจ.สระบุรี ลพบุรีและอยุธยาลดลง

          นายประพิศ จันทร์มา อธิบดีกรมชลประทานกล่าวว่า ได้ปรับแผนบริหารจัดการน้ำเพื่อลดผลกระทบต่อประชาชนจากภาวะน้ำท่วมให้ได้มากที่สุด โดยวันนี้ระบายน้ำจากเขื่อนเจ้าพระยาในอัตรา 2,602 ลบ.ม./วินาที ลดลงจากเมื่อวานนี้ซึ่งอยู่ที่ 2,698 ลบ.ม./วินาที ซึ่งกำหนดแผนลดปริมาณน้ำที่ระบายจากเขื่อนเจ้าพระยาลงให้อยู่ในอัตราประมาณ 1,000 ลบ.ม./วินาที ภายใน 1 พ.ย. นี้

          ส่วนเขื่อนป่าสักชลสิทธิ์ จากอัตราการระบายเมื่อวานนี้ที่ 800 ลบ.ม./วินาที ลดลงที่อัตรา 750 ลบ.ม./วินาที แล้วจะปรับลดลงเป็นขั้นบันไดให้อยู่ในอัตราประมาณ 600 ลบ.ม./วินาที ตามที่พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรี ในฐานะผู้อำนวยการกองอำนวยการน้ำแห่งชาติ (กอนช.) แสดงความห่วงใยประชาชน โดยจะรักษาระดับน้ำที่ไหลผ่านเขื่อนพระราม 6 ให้ไม่เกินความจุของลำน้ำด้วย โดยคาดว่าพรุ่งนี้ระดับน้ำใน จ.สระบุรี ลพบุรี และพระนครศรีอยุธยา จะลดลงตามลำดับ

          นอกจากนี้ ยังจะปรับลดการระบายน้ำจากเขื่อนสิริกิติ์เพื่อลดผลกระทบต่อพื้นที่น้ำท่วมริมสองฝั่งแม่น้ำเจ้าพระยา รวมทั้งสั่งการให้ติดตั้งเครื่องสูบน้ำเพื่อเร่งนำน้ำลงสู่ทุ่งรับน้ำให้เต็มศักยภาพภายใน 2 วัน โดยขณะนี้นำน้ำเข้าทุ่งลุ่มเจ้าพระยาแล้วประมาณ 97% ยังสามารถรับน้ำได้เพิ่มประมาณ 300 ล้าน ลบ.ม. จากนั้นจะระบายน้ำออกจากทุ่งตั้งแต่ 1 พ.ย. โดยให้เหลือน้อยกว่า 20% ภายใน 1 เดือนด้วย

          ปัจจุบันดำเนินการจัดจราจรน้ำในพื้นที่ลุ่มน้ำชี-มูลตอนล่าง และลดการระบายน้ำจากเขื่อนอุบลรัตน์ เนื่องจากขณะที่เร่งระบายน้ำท่วมสู่ท้ายแม่น้ำมูลเพื่อออกแม่น้ำโขง แต่กรมอุตุนิยมวิทยาคาดการณ์ว่าวันที่ 8-11 ต.ค.นี้ จะมีฝนตกเพิ่มบริเวณภาคตะวันออกเฉียงเหนือตอนบน จึงจะบริหารจัดการอย่างรอบคอบเพื่อลดผลกระทบต่อพื้นที่ตลอดลำน้ำชี-มูล

          ทั้งนี้ กรมอุตุนิยมวิทยายังคาดการณ์ด้วยว่า หลังจากวันที่ 16 ต.ค. ปริมาณฝนในภาคเหนือ ภาคกลาง ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ ภาคตะวันออกจะลดลง โดยร่องมรสุมจะขยับสู่ภาคใต้ตอนบน เป็นผลให้มีฝนตกในพื้นที่ภาคใต้เป็นส่วนใหญ่ จึงสั่งการให้โครงการชลประทานทุกแห่งในภาคใต้ เตรียมป้องกันและแก้ไขสถานการณ์น้ำ พร้อมทั้งเข้าช่วยเหลือประชาชนอย่างทันท่วงที