สถานการณ์การฉีดวัคซีนป้องกันโรคโควิด-19 ในประเทศไทย นพ.โสภณ เอี่ยมศิริถาวร รองอธิบดีกรมควบคุมโรค แถลงการณ์ฉีดวัคซีนในเด็กนักเรียนว่า จนถึงขณะนี้จากการติดตามอาการไม่พึงประสงค์ พบว่ามีอาการเจ็บ บวมร้อน บริเวณที่ฉีด บางกรณีเด็กมีการเวียนศีรษะ เหมือนจะเป็นลม อาเจียน แต่พบไม่มาก ปฐมพยาบาลแล้วก็ดีขึ้น เป็นที่น่าสังเกตว่า การฉีดวัคซีนรวมคนจำนวนมาก เด็กจะมีความกลัว และเกิดอาการคล้ายๆ กัน ส่วนที่มีอาการกล้ามเนื้อหัวใจอักเสบ 3 คนนั้น เป็นรายที่เกิดขึ้นก่อน ที่มีการฉีดวัคซีนในเด็ก
ดังนั้น การจัดสถานที่ฉีดวัคซีนควรโปร่ง ไม่แออัด เปิดเพลงเพื่อผ่อนคลายความเครียด ความกังวล และครู บุคลากรทางการแพทย์ ควรให้ข้อมูลเกี่ยวกับอาการไม่พึงประสงค์ที่อาจจะเกิดขึ้นได้ รวมถึงอาการรุนแรงที่อาจจะเกิดได้ คือ กล้ามเนื้อหัวใจอักเสบ เยื่อหุ้มหัวใจอักเสบ แต่หายได้
สำหรับการประเมินว่า จะฉีดวัคซีนไฟเซอร์เข็มที่ 2 ให้กับเด็กนักเรียนนั้น กรณีเป็นเด็กชายและเด็กหญิงอายุ อายุ 16-18 ปี ให้ฉีด 2 เข็มปกติ เด็กทั้งชาย เด็กหญิง อายุ 12-16 ปี หากเป็นเด็กที่มีโรคประจำตัว ก็ให้ฉีด 2 เข็ม เพราะถ้ามีโรคประจำตัวแล้วป่วยโควิด-19 จะมีอาการรุนแรงได้
แต่กรณีเด็กชายอายุ 12 ปี ถึงต่ำกว่า 16 ปี ร่างกายแข็งแรงดี ต้องรอประเมินผลอาการข้างเคียงก่อนว่า อาการกล้ามเนื้อหัวใจอักเสบที่กังวลนั้น จะเกิดในเด็กไทยเหมือนในต่างประเทศหรือไม่ เบื้องต้นมีตัวเลขเด็กนักเรียนชายประมาณ 2 ล้านคน หรือครึ่งหนึ่งของจำนวนนักเรียนเป้าหมายที่จะฉีดวัคซีนไฟเซอร์
การฉีดไฟเซอร์ให้เด็กอายุ 5-11 ปี นพ.โสภณ กล่าวว่า ขณะนี้การฉีดวัคซีนไฟเซอร์ในเด็กไทย จะเริ่มที่ 12 ปีขึ้นไป ส่วนที่ต่างประเทศมีการทดลองฉีดในเด็ก 5-11 ปี มีแนวโน้มได้ผลดี แต่บริษัทผู้ผลิตยังไม่ได้มีการยื่นขึ้นทะเบียนแต่อย่างใด ดังนั้น ประเทศไทยก็ยืนยันการฉีดเริ่มที่เด็ก 12 ปี ขึ้นไปก่อน
#ผลกระทบวัคซีน
#โควิด19