ผลวิจัยพบ ภูมิคุ้มกัน หลังฉีดไฟเซอร์จะลดลงต้องฉีดบูสเตอร์

07 ตุลาคม 2564, 19:34น.


         ซีเอ็นเอ็นรายงาน ผลการศึกษาของอิสราเอลและกาตาร์ พิมพ์เผยแพร่ในวารสารการแพทย์เดอะ นิวอิงแลนด์ เจอร์นาล ออฟ เมดิซีน(New England Journal of Medicine)ของสหรัฐฯ โดย ดร.กิลี เรเจฟ-โยเชย์(Gili Regev-Yochay) นักวิจัยจากศูนย์การแพทย์เชบา (Sheba Medical Center)จากอิสราเอล ศึกษาจากบุคลากรทางการแพทย์ 4,800 คนในอิสราเอล และดร.ลาอิธ อาบูรัดดาด (Laith Abu-Raddad) จากศูนย์วิทยาศาสตร์การแพทย์เวลล์ คอร์เนล กาตาร์ (Weill Cornell Medicine-Qatar) พบว่า ระดับสารแอนตีบอดี หรือภูมิคุ้มกันในร่างกายจะเริ่มลดลง 2 เดือน หลังรับวัคซีนไฟเซอร์เข็มที่ 2 พบว่า 4 เดือนต่อมา ระดับภูมิคุ้มกันจะลดลงร้อยละ 20 แต่ในภาพรวม วัคซีนยังคงมีประสิทธิภาพสูง เช่น ช่วยลดการป่วยหนัก การนอนพักรักษาตัวในโรงพยาบาลและการเสียชีวิตร้อยละ 90



         ผลวิจัยดังกล่าวสนับสนุนความเห็นที่ว่า แม้แต่คนที่รับวัคซีนครบโดสแล้วยังต้องทำตามมาตรการควบคุมโรคต่อไป เช่น การสวมหน้ากากอนามัยและการเว้นระยะห่างเพื่อความปลอดภัย อีกทั้งเป็นอีกสัญญาณหนึ่งที่แสดงให้เห็นว่า แม้แต่ประเทศที่ฉีดวัคซีนให้กับประชาชนในอัตราที่สูง เช่น อิสราเอลและกาตาร์ จำเป็นต้องฉีดวัคซีนบูสเตอร์หรือวัคซีนเข็มที่ 3 เพื่อป้องกันการระบาดระลอกใหม่ที่จะเกิดขึ้นในช่วงฤดูหนาวปลายปีนี้



         ก่อนหน้านี้ องค์การอาหารและยาสหรัฐฯ(FDA)อนุมัติเมื่อเดือนที่แล้ว หลังบริษัทไฟเซอร์ยื่นคำร้องขออนุมัติเรื่องการฉีดวัคซีนบูสเตอร์ เสริมภูมิคุ้มกันให้สูงขึ้น 6 เดือน หลังรับวัคซีนเข็มที่ 2 ปัจจุบัน อิสราเอลได้ฉีดวัคซีนเข็มที่ 3 ให้กับประชากรครบทั้ง 8.8 ล้านคน พร้อมทั้งเปลี่ยนกฎระเบียบใหม่โดยกำหนดให้คนที่รับวัคซีนครบ 3 เข็มแล้วจึงจะถือว่ารับวัคซีนครบโดส ขณะที่สหรัฐฯ ประชาชนกว่า 6 ล้านคนรับวัคซีนบูสเตอร์แล้วในขณะนี้ และอัตราการฉีดวัคซีนบูสเตอร์ของสหรัฐฯมีแนวโน้มเดินหน้าเร็วกว่าการฉีดวัคซีน 2 เข็มแรก



 



 



#ระดับภูมิคุ้มกันลดลง



#วัคซีนบูสเตอร์

ข่าวทั้งหมด

X