นพ.สมศักดิ์ อรรฆศิลป์ อธิบดีกรมการแพทย์ กระทรวงสาธารณสุข เปิดเผยว่า ยาต้านโควิด “โมลนูพิราเวียร์” โดย บริษัท เมิร์ค (Merck) ประเทศสหรัฐอเมริกา มีฤทธิ์ยับยั้งการจำลองตัวเองของเชื้อโควิด-19 โดยจากการวิจัยแบบสุ่มระยะที่ 3 ในรูปแบบ MOVe-OUT-Trial ในกลุ่มผู้ป่วยอาการเล็กน้อย-ปานกลาง มีปัจจัยเสี่ยง อาทิ โรคประจำตัว หรือกลุ่มสูงอายุ ซึ่งจะให้ยา 5 วันแรกตั้งแต่เริ่มมีอาการ พบว่า สามารถยับยั้งอาการรุนแรง หรือการเข้าโรงพยาบาลจากโควิดสายพันธุ์ปัจจุบันทั้งหมด โดยในการทดลองในผู้ป่วยอาการเล็กน้อย-ปานกลาง พบว่าได้ผลเป็นอย่างดี ส่วนการศึกษาในกลุ่มผู้ป่วยโควิดอาการหนักพบว่าไม่ได้ผล จึงได้ยุติการทดลอง
เบื้องต้น เมิร์ค ได้ดำเนินการยื่นขอการขึ้นทะเบียนในภาวะฉุกเฉินกับองค์การอาหารและยา หรือเอฟดีเอ สหรัฐอเมริกาแล้ว หากได้รับการอนุมัติก็จะเป็นยาต้านโควิดชนิดเม็ดตัวแรกของโลกที่ได้รับการรับรองจากอเมริกา สำหรับราคาในแต่ละประเทศจะไม่เท่ากัน ไทยเป็นประเทศรายได้ปานกลางจะซื้อยาในราคาถูกกว่าสหรัฐอเมริกาซึ่งมีรายได้สูง ขณะเดียวกันไทยก็อาจจะซื้อแพงกว่าประเทศที่รายได้ต่ำ เนื่องจากบริษัทมีนโยบายกระจายยาต้านโควิดไปในหลาย ๆ พื้นที่
โดยเมื่อเดือนกรกฎาคมมีการหารือรายละเอียดกับเมิร์คประเทศไทยแล้ว และเมื่อวานนี้ (5 ต.ค.) ได้จัดทำร่างหนังสือสัญญาซื้อขายจำนวน 40 หน้าเป็นที่เรียบร้อยแล้ว เหลือเพียงให้เมิร์คผ่านการขึ้นทะเบียนกับ FDA ประมาณเดือนตุลาคม-พฤศจิกายน
จากนั้นจะขึ้นทะเบียนในไทย ซึ่งคาดว่าจะผ่านในช่วงประมาณพฤศจิกายน-ธันวาคม คาดว่าไทยจะได้รับยาเร็วสุดคือเดือนธันวาคมปีนี้ หรือช้าสุดช่วงมกราคมปี 2565
นอกจากนี้ ประเทศไทยยังร่วมกับเมิร์คในการศึกษาวิจัยการใช้ยาต้านโควิดโมลนูพิราเวียร์ในประเทศไทยผ่านโรงพยาบาล 5 แห่ง ซึ่ง รพ.ราชวิถีในสังกัดกรมการแพทย์จะเป็นโรงพยาบาลอีกแห่งที่ได้รับการวิจัย แต่ขณะนี้ยังอยู่ระหว่างการดำเนินการขออนุมัติจากคณะกรรมการจริยธรรมการวิจัยในคน คาดว่าจะได้เริ่มศึกษาได้ภายในธันวาคมนี้
...
#โมลนูพิราเวียร์
#โควิด19