นายมาร์โก คาวาเลรี หัวหน้าฝ่ายยุทธศาสตร์วัคซีนขององค์การยาแห่งสหภาพยุโรป (EMA) แถลงว่า EMA จะเร่งพิจารณาใช้มาตรการ "rolling review" สำหรับการประเมินประสิทธิภาพของยาโมลนูพิราเวียร์ (molnupiravir) ทั้งนี้ "rolling review" เป็นเครื่องมือด้านกฎระเบียบของ EMA เร่งกระบวนการประเมินผลต่อยาที่มีแนวโน้มมีประสิทธิภาพสูงในช่วงที่เกิดภาวะฉุกเฉินด้านสาธารณสุข
บริษัทเมอร์ค แอนด์ โค ซึ่งเป็นบริษัทยารายใหญ่ของสหรัฐฯ เปิดเผยก่อนหน้านี้ว่า ยาโมลนูพิราเวียร์มีประสิทธิภาพในการต้านไวรัสโควิด-19 ทุกสายพันธุ์ ซึ่งรวมถึงสายพันธุ์เดลตา และสามารถลดความเสี่ยงของผู้ป่วยโควิด-19 ในการเข้ารักษาตัวในโรงพยาบาลหรือเสียชีวิตได้ถึง 50%
EMA ส่งสัญญาณเร่งกระบวนการประเมินผลต่อยาโมลนูพิราเวียร์ ขณะที่ บริษัทเมอร์ค ยังไม่ได้ยื่นเรื่องต่อสำนักงานคณะกรรมการอาหารและยาสหรัฐฯ (FDA) เพื่อขออนุมัติการใช้ยาโมลนูพิราเวียร์
บริษัทเมอร์ค เปิดเผยว่า ผลการทดลองในระยะที่ 3 พบว่า
-ผู้ป่วยโควิด-19 ที่ได้รับยาโมลนูพิราเวียร์จำนวนเพียง 7.3% ที่ต้องเข้ารับการรักษาตัวในโรงพยาบาลภายในเวลา 29 วัน และไม่มีผู้เสียชีวิต
-ขณะที่ผู้ป่วยที่ได้รับยาหลอกจำนวน 14.1% ต้องเข้ารับการรักษาตัวในโรงพยาบาลภายในเวลา 29 วัน และมีผู้เสียชีวิตจำนวน 8 ราย
-อาสาสมัครที่เข้าร่วมการทดลองทั้งหมด 775 คนได้รับการยืนยันว่าเป็นผู้ป่วยโควิด-19 ที่แสดงอาการ และถูกสุ่มให้ยาโมลนูพิราเวียร์หรือยาหลอกภายในเวลา 5 วันจากที่เริ่มมีอาการ
-ผู้เข้าร่วมการทดลองทุกคนยังไม่ได้รับการฉีดวัคซีนโควิด-19 มาก่อน
-แต่ละคนมีปัจจัยหนึ่งอย่างที่ทำให้มีความเสี่ยงในการเกิดอาการรุนแรงจากโรคโควิด-19 ซึ่งได้แก่ โรคอ้วน โรคเบาหวาน โรคหัวใจ และมีอายุมากกว่า 60 ปี
บริษัทเมอร์ค ได้ทดลองยาโมลนูพิราเวียร์ในระยะที่ 3 ในสถานที่มากกว่า 170 แห่งทั่วโลก ซึ่งรวมถึงในสหรัฐฯ บราซิล กัวเตมาลา อิตาลี แอฟริกาใต้ ญี่ปุ่น และไต้หวัน
#องค์การยาแห่งสหภาพยุโรป
#ยาโมลนูพิราเวียร์
แฟ้มภาพ