สถานการณ์วิกฤตราคาเชื้อเพลิงโลกที่ปรับตัวสูงขึ้น เกิดจากความต้องการใช้พลังงานที่เพิ่มขึ้น หลังยุควิกฤตโควิด-19 ในยุโรป
ขณะที่ เมื่อสัปดาห์ที่แล้ว ในอังกฤษ เกิดวิกฤตขาดแคลนน้ำมันที่สถานีจ่ายทั่วประเทศและมีภาพรถยนต์ต่อแถวยาวเพื่อรอเติมน้ำมัน ล่าสุด รัฐบาลอังกฤษ ส่งทหารเข้ามาช่วยเหลือด้วยการทำหน้าที่ขับรถขนพลังงานเชื้อเพลิงไปยังปั๊มน้ำมันทั่วกรุงลอนดอน
นางเออร์ซูลา ฟอน เดอร์ เลเยน ประธานคณะกรรมาธิการยุโรป (EC) เปิดเผยว่า กลุ่มผู้นำสหภาพยุโรป (EU) จะหารือเรื่องการจัดตั้งคลังสำรองก๊าซทางยุทธศาสตร์ของ EU และการแยกค่าไฟฟ้าออกจากค่าก๊าซในช่วงปลายเดือนต.ค.64
นางฟอน เดอร์ เลเยน กล่าวว่า ราคาค่าไฟที่พุ่งขึ้น เกิดขึ้นจากการที่ก๊าซมีราคาแพงขึ้น เนื่องจาก อุปสงค์ทั่วโลกเพิ่มมากขึ้น แต่บรรดาซัพพลายเออร์ก๊าซหลักของยุโรป เช่น รัสเซีย ยังไม่ได้เพิ่มปริมาณการส่งก๊าซ
EU ต้องการลงทุนในแหล่งพลังงานหมุนเวียนของพลังงานเพราะจะทำให้เป็นอิสระต่อการนำเข้าและทำให้ราคามีเสถียรภาพ แต่ขั้นตอนเร่งด่วนกว่านี้จะมีการหารือในการประชุมสุดยอด EU ครั้งต่อไปในวันที่ 21-22 ต.ค.64
สถานการณ์ราคาน้ำมันโลก ปิดตลาดเมื่อคืนนี้ (5 ต.ค.64)
-สัญญาน้ำมันดิบเวสต์เทกซัส อินเตอร์มีเดียต หรือไลต์สวีตครูด งวดส่งมอบเดือนพ.ย.64 เพิ่มขึ้น 1.31 ดอลลาร์สหรัฐฯ ปิดที่ 78.93 ดอลลาร์สหรัฐฯต่อบาร์เรล
-เบรนต์ทะเลเหนือลอนดอน งวดส่งมอบเดือนธ.ค.64 เพิ่มขึ้น 1.30 ดอลลาร์สหรัฐฯ ปิดที่ 82.56 ดอลลาร์สหรัฐฯต่อบาร์เรล
ระหว่างการซื้อขายน้ำมันดิบสัญญาสหรัฐฯดีดตัวมากกว่า 2% ขึ้นไปอยู่ที่ 79.48 ดอลลาร์สหรัฐฯต่อบาร์เรล สูงสุดในรอบเกือบ 7 ปี ส่วนเบรนต์ลอนดอน ขึ้นไปแตะ 83.13 ดอลลาร์สหรัฐฯต่อบาร์เรล สูงสุดในรอบ 3 ปี
ราคาน้ำมันที่พุ่งสูงขึ้น เกิดขึ้นหลังจากที่โอเปกพลัส เพิ่มกำลังการผลิตเพียงวันละ 400,000 บาร์เรลจนถึงเดือนเม.ย.65 เป็นอย่างน้อย
#EU
#วิกฤตพลังงาน
CR:CNN