เอสแอนด์พี โกลบอล เรทติ้งส์ (S&P) เตือนว่า ตลาดการเงินอาจได้รับผลกระทบในระดับ “ร้ายแรงและไม่ธรรมดา” หากสหรัฐฯ ผิดนัดชำระหนี้ และมีความเสี่ยงที่จะถูกปรับลดอันดับความน่าเชื่อถือ ซึ่งเป็นเรื่องที่ไม่เคยเกิดขึ้นมาก่อน สำหรับประเทศ G-7 แต่คาดว่าในท้ายที่สุดแล้ว สภาคองเกรสจะสามารถแก้ปัญหาเพดานหนี้ได้ทันเวลา
นายโจดีป มัคเฮอร์จี นักวิเคราะห์ของ S&P เตือนว่า การผิดนัดชำระหนี้อาจส่งผลให้สหรัฐฯถูกปรับลดอันดับความน่าเชื่อถือลงสู่ระดับ D ซึ่งเป็นระดับต่ำสุด และการที่เงินดอลลาร์สหรัฐเป็นสกุลเงินที่สำคัญที่สุดของโลก การผิดนัดชำระหนี้จึงส่งผลกระทบในวงกว้าง
นางเจเน็ต เยลเลน รัฐมนตรีคลังสหรัฐฯ เตือนว่า รัฐบาลอาจไม่มีเงินสดสำรองภายในวันที่ 18 ตุลาคม หากไม่มีการเพิ่มระดับของเพดานหนี้ และจะนำไปสู่การผิดนัดชำระหนี้เป็นครั้งแรก
โดยปกติแล้วการผิดนัดชำระหนี้มักจะมีสาเหตุมาจากความตึงเครียดทางเศรษฐกิจและการเงิน แต่ในสหรัฐฯ ยังมีปัจจัยด้านการเมืองเข้ามาเป็นแรงกดดันในการพิจารณาเรื่องการขยายเพดานหนี้ โดยเมื่อเดือนสิงหาคม 2554 S&P เคยปรับลดอันดับความน่าเชื่อถือของสหรัฐฯลงจากระดับสูงสุดคือ AAA มาสู่ระดับ AA+ เนื่องจากรัฐบาลของอดีตประธานาธิบดีบารัค โอบามา ในเวลานั้นมีหนี้สาธารณะที่สูงมาก และสภาคองเกรสมีความขัดแย้งกันเกี่ยวกับการขยายเพดานหนี้
หนี้สาธารณะ (Sovereign Debt) หมายถึงเงินที่รัฐบาลกู้ยืมมาจากแหล่งต่าง ๆ ทั้งในและต่างประเทศในภาวะที่รัฐมีรายได้ไม่เพียงพอต่อรายจ่าย การก่อหนี้ของรัฐบาลจึงมีผลกระทบต่อเศรษฐกิจโดยรวมของประเทศ โดยทั่วไปแล้ว หากมูลค่าหนี้สาธารณะของประเทศใดสูงใกล้ระดับร้อยละ 90 ของ GDP ของประเทศ จะหมายถึงการที่มีความเสี่ยงว่าจะมีปัญหาในการชำระหนี้ โดยระดับหนี้สาธารณะของสหรัฐฯในรัฐบาลอดีตประธานาธิบดีโอบามาอยู่ที่ระดับสูงถึงร้อยละ 93 ของ GDP
....
#สหรัฐอเมริกา
#S&P
#ขยายเพดานหนี้