หลังจากที่นายกรัฐมนตรีเบนจามิน เนทันยาฮู ผู้นำอิสราเอล แสดงความเสียใจต่อชาวเดนมาร์กและชุมชนชาวยิวในเดนมาร์กที่เกิดเหตุคนร้ายโจมตีต่อเนื่อง โดยระบุว่าเป็นอีกครั้งที่เป้าหมายของคนร้ายคือชาวยิวในยุโรป จึงเรียกร้องให้ชาวยิวในยุโรปย้ายถิ่นฐานกลับมาอยู่อิสราเอล แต่ประธานาธิบดีฟรังซัวส์ ออลลองด์ ผู้นำฝรั่งเศส เปิดเผยว่า ยุโรปโดยเฉพาะฝรั่งเศสยินดีต้อนรับชาวยิว แม้ว่าในเหตุรุนแรงที่กรุงปารีสเมื่อเดือนมกราคม จะมีชาวยิวตกเป็นเป้าหมายของคนร้ายเช่นกัน นอกจากนี้ยังมีเหตุการณ์ ที่กลุ่มวัยรุ่นในฝรั่งเศส ทำลายสุสานชาวยิวในเมืองสตราสบูร์ก แคว้นอัลซาส ติดพรมแดนเยอรมนี มีหลุมศพราว 300 หลุมถูกทำลายเสียหาย ซึ่งประธานาธิบดีออลลองด์ ประณามว่าเป็นพฤติกรรมที่ป่าเถื่อนและน่ารังเกียจ นายแบร์กนาร์ด กาเซอเนอฟ รัฐมนตรีกิจการภายในฝรั่งเศส ระบุว่าเป็นพฤติกรรมดูหมิ่นเหยียดหยาม ขณะที่นายกรัฐมนตรีมานูเอล วาลล์ส ชี้ว่าเป็นคือการกระทำต่อต้านยิวและต่ำทราม ทั้งเรียกร้องให้ชาวยิวอยู่ในฝรั่งเศสต่อไป
ส่วนนางซาชา เรนเกเวิร์ทซ์ ประธานสหภาพนักศึกษายิวในฝรั่งเศส กล่าวว่า ชาวยุโรปและประชาคมโลก จำเป็นต้องสามัคคีและยืนหยัดเคียงข้างกัน เพื่อต่อสู้กับแนวคิดหัวรุนแรง ที่กำลังเป็นภัยคุกคามต่อประชาธิปไตย นอกจากนี้สุสานและศาสนสถานของชาวยิวตลอดจนชาวมุสลิมในฝรั่งเศสก็มักตกเป็นเป้าโจมตีอยู่บ่อยครั้ง
ทั้งนี้มีกลุ่มวัยรุ่น 5 คนที่มีอายุ 15-17 ปีถูกควบคุมตัวมาสอบปากคำฐาน ทำลายสุสานชาวยิว ซึ่งอัยการเปิดเผยว่าวัยรุ่นกลุ่มนี้เข้ามอบตัวกับเจ้าหน้าที่ และยอมรับว่ารู้สึกตกใจ ที่มีการแสดงความไม่พอใจการกระทำของพวกเขาอย่างรุนแรง โดยเฉพาะจากรัฐบาลฝรั่งเศส ซึ่งกลุ่มวัยรุ่นอ้างว่าพวกเขาไม่ได้ต่อต้านยิว และไม่มีประวัติอาชญากรรม
...