รมว.คลัง-ปธ.เฟด เตรียมแถลงสภาสหรัฐ วิกฤตโควิด-19 กระทบเศรษฐกิจสหรัฐ

          สำนักข่าวหลายแห่งได้เผยแพร่ร่างแถลงการณ์ที่นายเจอโรม พาวเวล ประธานธนาคารกลางสหรัฐฯ (เฟด) และนางเจเน็ต เยลเลน รัฐมนตรีคลังสหรัฐฯ เตรียมกล่าวต่อคณะกรรมาธิการการธนาคารประจำวุฒิสภาในวันนี้ เวลา 10.00 น.ตามเวลาสหรัฐฯ หรือ 21.00 น.ตามเวลาไทย ก่อนที่จะกล่าวถ้อยแถลงต่อคณะกรรมาธิการบริการการเงินประจำสภาผู้แทนราษฎรในวันพฤหัสบดี

          นายพาวเวลและนางเยลเลนมีกำหนดกล่าวถ้อยแถลงต่อสภาคองเกรสในสัปดาห์นี้เพื่อแสดงวิสัยทัศน์เกี่ยวกับภาวะเศรษฐกิจสหรัฐฯ และเน้นย้ำความสำคัญของการใช้นโยบายการเงินและการคลังในการกระตุ้นเศรษฐกิจ หลังจากได้รับผลกระทบจากการแพร่ระบาดของไวรัสโควิด-19

          นอกจากนี้ คาดว่าคณะกรรมาธิการดังกล่าวจะทำการซักถามนายพาวเวลและนางเยลเลนเกี่ยวกับภาวะเงินเฟ้อในสหรัฐฯ รวมทั้งร่างกฎหมายโครงสร้างพื้นฐานของสหรัฐฯวงเงิน 1 ล้านล้านดอลลาร์ และประเด็นเพดานหนี้ของสหรัฐฯ

          สื่อรายงานว่าแถลงการณ์ของนายพาวเวลและนางเยลเลนจะระบุเตือนว่า การแพร่ระบาดของไวรัสโควิด-19 สายพันธุ์เดลตาได้ชะลอการฟื้นตัวของเศรษฐกิจสหรัฐฯ และสหรัฐฯจะเผชิญภาวะเงินเฟ้อพุ่งสูงเป็นระยะเวลานานกว่าที่คาดไว้

          ร่างแถลงการณ์ของนายพาวเวลระบุว่า เฟดจะยังคงใช้นโยบายการเงินกระตุ้นเศรษฐกิจ และเฟดจะดำเนินการหากเงินเฟ้อยังคงพุ่งสูงขึ้นอย่างต่อเนื่อง และมีแนวโน้มยังคงอยู่ในระดับสูงในช่วงหลายเดือนข้างหน้า ก่อนที่จะอ่อนตัวลง

          นอกจากนี้ นายพาวเวลจะระบุเตือนว่าการแพร่ระบาดของไวรัสโควิด-19 จะสร้างความเสี่ยงต่อแนวโน้มเศรษฐกิจสหรัฐฯ

          ร่างแถลงการณ์ของนางเยลเลน ซึ่งได้เรียกร้องให้สภาคองเกรสเร่งอนุมัติร่างกฎหมายงบประมาณชั่วคราวและเพิ่มเพดานหนี้ของสหรัฐฯ เพื่อรองรับสถานการณ์การแพร่ระบาดไวรัสสายพันธุ์เดลตา ที่กดดันการฟื้นตัวของเศรษฐกิจ และเป็นอุปสรรคต่อการมีเศรษฐกิจที่แข็งแกร่ง แต่ยังเชื่อมั่นต่อแนวโน้มเศรษฐกิจในระยะกลาง และคาดว่าสหรัฐจะมีการจ้างงานเต็มศักยภาพในปีหน้า นับเป็นเรื่องจำเป็นที่สภาคองเกรสจะต้องแก้ไขปัญหาเพดานหนี้โดยเร็ว เนื่องจากความเชื่อมั่นและอันดับความน่าเชื่อถือของสหรัฐฯจะได้รับผลกระทบ ขณะที่สหรัฐจะเผชิญกับวิกฤตทางการเงินและภาวะเศรษฐกิจถดถอย

          ด้านดัชนีดาวโจนส์ร่วงลงกว่า 200 จุดในวันนี้ ท่ามกลางความกังวลเกี่ยวกับการพุ่งขึ้นของอัตราผลตอบแทนพันธบัตรรัฐบาลสหรัฐฯเมื่อ เวลา 20.54 น.ตามเวลาไทย ดัชนีเฉลี่ยอุตสาหกรรมดาวโจนส์อยู่ที่ 34,604.35 จุด ลบ 265.02 จุด  ส่วนอัตราผลตอบแทนพันธบัตรรัฐบาลสหรัฐฯอายุ 10 ปีพุ่งทะลุ 1.54% ในวันนี้ ซึ่งเป็นระดับสูงสุดนับตั้งแต่เดือนมิ.ย.

          การดีดตัวของอัตราผลตอบแทนพันธบัตรรัฐบาลสหรัฐฯได้แรงหนุนจากปัจจัยความเชื่อมั่นต่อการฟื้นตัวทางเศรษฐกิจ และความวิตกต่อการพุ่งขึ้นของเงินเฟ้อ รวมทั้งการที่ธนาคารกลางสหรัฐฯ (เฟด) ส่งสัญญาณปรับลดวงเงินในโครงการซื้อพันธบัตรตามมาตรการผ่อนคลายเชิงปริมาณ (QE) และปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยเร็วกว่าคาดถึง 1 ปี

          ก่อนหน้านี้สภาผู้แทนราษฎรสหรัฐฯมีมติอนุมัติร่างกฎหมายงบประมาณชั่วคราวในวันที่ 21 ก.ย. เพื่อสนับสนุนหน่วยงานของรัฐบาลกลางสหรัฐฯให้มีงบประมาณใช้จ่ายไปจนถึงวันที่ 3 ธ.ค. และหลีกเลี่ยงไม่ให้หน่วยงานเหล่านี้ต้องถูกปิดการดำเนินงาน รวมทั้งยังมีมติให้ยกเลิกเพดานหนี้ของสหรัฐไปจนถึงสิ้นปี 2565 แต่วุฒิสมาชิกสังกัดพรรครีพับลิกันได้ขัดขวางร่างกฎหมายดังกล่าว ซึ่งอาจส่งผลให้หน่วยงานรัฐบาลสหรัฐฯต้องปิดการดำเนินงานในสิ้นเดือนนี้ เนื่องจากขาดงบประมาณ และรัฐบาลสหรัฐฯมีความเสี่ยงที่จะเผชิญการผิดนัดชำระหนี้เป็นครั้งแรกในประวัติศาสตร์

#เศรษฐกิจสหรัฐ

#โควิด19