สภาพัฒน์ ระบุ จีดีพีปีที่แล้วขยายตัวร้อยละ 0.7

นายอาคม เติมพิทยาไพสิฐ เลขาธิการคณะกรรมการพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติหรือ สภาพัฒน์ เปิดเผยตัวเลขผลิตภัณฑ์มวลรวมในประเทศหรือจีดีพีในไตรมาสที่สี หรือ ช่วงเดือนตุลาคมถึงธันวาคม 2557 มีอัตราขยายตัวร้อยละ 2.3 มูลค่าจีดีพีทั้งสิ้น 3,000 ล้านบาท ขยายตัวร้อยละ 0.2 จากสามไตรมาสแรก โดยมีปัจจัยสนับสนุนจากการบริโภค การลงทุน และการส่งออกของเอกชนที่ขยายตัวอย่างต่อเนื่อง รวมทั้งรายจ่ายเพื่อการอุปโภคของรัฐบาล และเมื่อรวมทั้งปี 2557 เศรษฐกิจไทยขยายตัวร้อยละ 0.7 มีปัจจัยจากการสนับสนุนจากการใช้จ่ายของภาครัฐ การบริโภคของครัวเรือน และการเกษตรกรรม แต่การส่งออกสินค้า การลงทุนรวมและอุตสาหกรรมหนักมีอัตราการขยายตัวลดลง ประกอบกับอุตสาหกรรมการท่องเที่ยวมีนักท่องเที่ยวลดลงกว่าร้อยละ 6.7 ทำให้จีดีพีขยายตัวได้น้อยกว่าที่คาดการณ์ไว้ แต่โดยรวมถือว่าเศรษฐกิจยังมีเสถียรภาพดี อัตราการว่างงานยังอยู่ในระดับต่ำที่ร้อยละ 0.8 ส่วนเงินเฟ้ออยู่ที่ร้อยละ 1.9 

ส่วนแนวโน้มในปี 2558 นายอาคม คาดว่าจีดีพีจะขยายตัวร้อยละ 3.5-4.5 โดยมีปัจจัยสนับสนุน เช่น การเร่งรัดการใช้จ่าย และการดำเนินโครงการลงทุนที่สำคัญของภาครัฐ การฟื้นตัวของการลงทุนและการท่องเที่ยว รวมทั้งการลดลงของราคาน้ำมันในตลาดโลก แต่ยังมีข้อจำกัด เช่น การผันผวนของเศรษฐกิจและการเงินโลก ราคาตลาดโลกในภาคการเกษตรที่ยังมีแนวโน้มไม่ชัดเจน ส่วนการส่งออกคาดว่าจะขยายตัวร้อยละ 3.5 จากเดิมที่คาดไว้ร้อยละ 4 เนื่องจากมีการปรับลดการขยายตัวของเศรษฐกิจโลก ส่งผลให้การส่งออกมีแนวโน้มลดลง ส่วนอัตราเงินเฟ้อคาดว่าจะอยู่ในระดับร้อยละ 1 ซึ่งแม้จะมีการคาดว่าจีดีพีขยายตัวกว่าร้อยละ 3.5-4.5 แต่ส่วนตัวมองว่าเศรษฐกิจยังไม่ปกติ เพราะภาพรวมยังมีปัญหาและเชื่อว่าโดยศักยภาพที่แท้จริงจีดีพีน่าจะขยายตัวได้มากกว่านี้ อย่างไรก็ดีถือว่าเศรษฐกิจยังอยู่ในเสถียรภาพที่ดี และเชื่อว่าเศรษฐกิจจะเริ่มฟื้นตัวในทุกด้านในปีนี้

ส่วนการบริหารนโยบายเศรษฐกิจในปี 2558 ต้องให้ความสำคัญกับการดูแลเกษตรกรผู้มีรายได้น้อย การเร่งรัดการพิจารณาโครงการด้านการลงทุนที่ค้างอยู่ รวมทั้งการดำเนินนโยบายการเงินและอัตราแลกเปลี่ยนให้สอดคล้องกับเศรษฐกิจโลก และการพัฒนาเขตเศรษฐกิจพิเศษชายแดน เป็นต้น

 

...ผสข.ธีรวัฒน์ สิทธิเกรียงไกร