เวทีการประชุมประจำปีสมัชชาใหญ่แห่งสหประชาชาติ ที่นครนิวยอร์ก สหรัฐฯ เป็นเวทีระดับโลกที่ใหญ่ที่สุด ประเทศสมาชิกทั้ง 193 ประเทศ ร่วมหารือประเด็นความท้าทายต่างๆ ทั้งระดับภูมิภาคและระดับโลก
เมื่อคืนนี้ตามเวลาในไทย นายโจ ไบเดน ประธานาธิบดีสหรัฐฯ กล่าวสุนทรพจน์ในที่ประชุมเป็นการประกาศว่าสหรัฐฯกลับมาแล้ว แสดงให้เห็นถึงภาพที่กลับกันอย่างสิ้นเชิงจากหลักการ America First หรือ “อเมริกาต้องมาก่อนใคร” ที่นายโดนัลด์ ทรัมป์ อดีตประธานาธิบดีสหรัฐฯ ชูเป็นนโยบายหลัก
-ประธานาธิบดีสหรัฐฯ เรียกร้องให้ประชาคมโลกหันหน้ามาทำงานร่วมกันเพื่อรับมือกับความท้าทายใหม่ๆ และสหรัฐฯพร้อมที่จะทำงานด้วยในแนวทางสันติวิธี แม้ว่า จะมีประเด็นความไม่ลงรอยรุนแรงในบางเรื่องอยู่บ้างก็ตาม เช่น โควิด-19 ปัญหาสภาพภูมิอากาศเปลี่ยนแปลง หรือแม้แต่ภัยจากการแพร่ขยายอาวุธนิวเคลียร์
-สหรัฐฯ จะเพิ่มงบประมาณสำหรับประเทศกำลังพัฒนาขึ้นอีกเท่าตัวเป็น 1.14 หมื่นล้านดอลลาร์สหรัฐฯ ภายในปี 2567 ซึ่งคิดเป็นราว 1 ใน 10 ของจำนวนเงินทั้งหมด 1 แสนล้านดอลลาร์สหรัฐฯ ที่ชาติพัฒนาประกาศจะมอบให้ชาติยากจนทุกปี เพื่อแก้ปัญหาสภาพอากาศเปลี่ยนแปลง
-การใช้กำลังทางทหารของสหรัฐฯ ต้องเป็นทางเลือกสุดท้าย ไม่ใช่ตัวเลือกแรก และการใช้กำลังทางทหาร ไม่ควรเป็นคำตอบสำหรับปัญหาทุกปัญหาที่เกิดขึ้นอยู่ทั่วโลก
-กรณีการถอนทหารออกจากอัฟกานิสถาน ทำให้กองทัพสหรัฐฯ ถูกวิพากษ์วิจารณ์อย่างหนักจากทั้งในและนอกประเทศ นายไบเดน ระบุว่า สหรัฐฯ ยุติช่วงเวลาสงครามอันทรหด เพื่อยุคใหม่ทางการทูต
-นายไบเดน ยืนยันว่า สหรัฐฯไม่มีแผนที่จะยกระดับความขัดแย้งกับผู้ใด ซึ่งหลายฝ่ายมองว่าเป็นการกล่าวพาดพิงถึง'จีน'คู่ปรับตัวจริงของรัฐบาลสหรัฐฯ
-สหรัฐฯไม่ได้กำลังพยายามก่อสงครามเย็นรอบใหม่ หรือ สร้างโลกที่มีการแบ่งแยกเป็นส่วนๆ
การประชุมครั้งนี้ มีผู้นำหลายประเทศ เช่น จีน อิหร่าน อียิปต์ และโซมาเลีย ส่งบันทึกภาพการกล่าวสุนทรพจน์มาเผยแพร่ในการประชุมแทน
หลังการกล่าวสุนทรพจน์เสร็จสิ้นแล้ว ผู้นำสหรัฐฯ มีกำหนดประชุมนอกรอบกับนายกรัฐมนตรี สก็อตต์ มอร์ริสัน แห่งออสเตรเลีย ก่อนจะเดินทางกลับไปที่ทำเนียบขาวเพื่อต้อนรับนายกรัฐมนตรี บอริส จอห์นสัน แห่งอังกฤษ
#ประชุมUN
#ไบเดนกล่าวสุนทรพจน์
CR:CNN,VOA