สธ.ตั้งเป้าฉีดวัคซีนร้อยละ 50 ของประชากรภายในตุลาคมนี้

          นพ.โอภาส การย์กวินพงศ์ อธิบดีกรมควบคุมโรค กระทรวงสาธารณสุข (สธ.) กล่าวว่า สถานการณ์ของโควิด-19 ในภาพรวมดีขึ้น ประชาชนสามารถใช้ชีวิตตามวิถีใหม่ ภายใต้มาตรการป้องกัน เช่น การสวมหน้ากากอนามัย ล้างมือ รักษาระยะห่าง งดไปในสถานที่แออัด 

          ส่วนการฉีดวัคซีนโควิด-19 สามารถฉีดได้สูงสุดประมาณวันละ 900,000 โดสจึงเร่งรัดให้ฉีดวัคซีนเข็มที่ 1 ได้ร้อยละ 50 ของประชากรภายในสิ้นเดือนตุลาคมนี้ และจะฉีดให้ได้ 1,000,000 โดสเป็นอย่างน้อย ตั้งแต่วันมหิดล 24 กันยายน นี้ เพื่อถวายเป็นพระราชกุศลแด่องค์สมเด็จพระมหิตลาธิเบศรอดุลยเดชวิกรม พระบรมราชชนก พระบิดาแห่งการแพทย์แผนปัจจุบันของไทย

          โดยในขณะนี้ประเทศไทยใช้วัคซีน 4 ชนิด คือ ซิโนแวค ซิโนฟาร์ม แอสตร้าเซนเนก้า และไฟเซอร์ ซึ่งผ่านการรับรองทั้งประสิทธิภาพและความปลอดภัยจากองค์การอนามัยโลกและสำนักงานคณะกรรมการอาหารและยา โดยวัคซีนหลักที่ใช้ฉีดเข็มที่ 1 คือ ซิโนแวคและเข็มที่ 2 แอสตร้าเซนเนก้า ห่างกัน 3 ถึง 4 สัปดาห์ จากผลการศึกษาวิจัยในประเทศ พบว่า วัคซีนทั้งสองชนิดนี้จะเสริมภูมิคุ้มกันในร่างกายได้ดียิ่งขึ้น ใช้เวลาสั้นกว่าวัคซีนสูตรปกติ รายใดที่พบว่ามีปัญหาแพ้วัคซีนเข็มแรก เช่น มีผื่นขึ้นบวมแดงหรือหายใจติดขัด จะเปลี่ยนชนิดที่มีความปลอดภัยแทน

          และจะฉีดวัคซีนกระตุ้นเข็มที่ 3 ให้แก่ผู้ที่ฉีดวัคซีนซิโนแวคครบ 2 เข็มตั้งแต่ช่วงเดือนมีนาคม ถึงพฤษภาคม เนื่องจากภูมิคุ้มกันเริ่มลดลงหลังฉีด 3 ถึง 6 เดือน โดยจะมีการแจ้งข้อความ SMS หรือแจ้งผ่านทางแอปพลิเคชันหมอพร้อม หรือลงทะเบียนที่สถานพยาบาลเดิม และเข้ารับบริการที่จุดฉีดวัคซีนกลางในแต่ละพื้นที่กำหนด เช่น ในกรุงเทพฯ ที่สถานีกลางบางซื่อ โดยไม่ต้องเสียค่าใช้จ่าย

          ส่วนกลุ่มนักเรียน 12 ถึง 17 ปี ที่จะเริ่มฉีดไฟเซอร์เข็มที่ 1 ในช่วงต้นเดือนตุลาคม นี้ จะคำนึงถึงประสิทธิภาพ ความปลอดภัย และเป็นไปตามเจตจำนงของผู้ปกครองเป็นสำคัญ กระทรวงสาธารณสุขจะร่วมมือกับกระทรวงศึกษาธิการบริหารจัดการระบบการฉีดให้รัดกุมและมีความปลอดภัยสูงสุด

...

#กระทรวงสาธารณสุข

#วัคซีนโควิด

#วัคซีนบูสเตอร์