กระทรวงการต่างประเทศฝรั่งเศส เรียกตัวเอกอัครราชทูตประจำสหรัฐฯ และออสเตรเลียกลับประเทศ เพื่อประท้วงการที่ 3 ประเทศคือออสเตรเลีย สหราชอาณาจักร และสหรัฐฯ (Aukus) มีการทำข้อตกลงด้านความมั่นคง และการถ่ายทอดเทคโนโลยีเรือดำน้ำพลังงานนิวเคลียร์ให้กับออสเตรเลีย ทำให้ออสเตรเลียเป็นประเทศที่ 7 ในโลกที่มีเรือดำน้ำพลังงานนิวเคลียร์ และยกเลิกคำสั่งซื้อเรือดำน้ำ 12 ลำของฝรั่งเศส มูลค่า 37,000 ล้านดอลลาร์สหรัฐฯ
นายฌอง-อีฟว์ เลอ ดริยอง รัฐมนตรีการต่างประเทศฝรั่งเศส ระบุในแถลงการณ์ว่า การตัดสินใจในลักษณะนี้ไม่ได้เกิดขึ้นบ่อยครั้ง ประธานาธิบดีเอ็มมานูเอล มาครง ตัดสินใจเรียกทูตฝรั่งเศสกลับประเทศ เนื่องจากสถานการณ์มีความน่ากังวล
โดยในการแถลงข้อตกลงเมื่อวันพุธ (15 ก.ย.) โดยประธานาธิบดีโจ ไบเดน แห่งสหรัฐฯ นายกรัฐมนตรีบอริส จอห์นสัน แห่งสหราชอาณาจักร และนายกรัฐมนตรีสกอตต์ มอร์ริสัน แห่งออสเตรเลีย ทางการฝรั่งเศสได้รับแจ้งเพียงไม่กี่ชั่วโมงก่อนที่จะมีการประกาศต่อสาธารณะ ซึ่งทำให้รัฐมนตรีการต่างประเทศฝรั่งเศส เปรียบเทียบว่าเป็น “การแทงข้างหลัง” และถือเป็นพฤติกรรมที่ยอมรับไม่ได้ระหว่างพันธมิตร เพราะข้อตกลงระหว่าง 3 ประเทศมีผลโดยตรงต่อวิสัยทัศน์ที่ฝรั่งเศสมีต่อพันธมิตร ความเป็นหุ้นส่วน และยุทธศาสตร์อินโดแปซิฟิกในยุโรป
ส่วนนายเคลมองต์ โบน รัฐมนตรีกิจการยุโรปของฝรั่งเศส กล่าวว่า ออสเตรเลียกำลังมีการเจรจาการค้ากับยุโรปในหลายประเด็น แต่ฝรั่งเศสไม่สามารถไว้วางใจพันธมิตรชาวออสเตรเลียได้อีกต่อไป
ด้านทำเนียบขาวสหรัฐฯ เปิดเผยว่า ฝ่ายบริหารของประธานาธิบดีไบเดนรู้สึกเสียใจกับท่าทีของฝรั่งเศสและจะมีการชี้แจงต่อฝรั่งเศสในเร็วๆ นี้
ส่วนนางมารีส เพย์น รัฐมนตรีการต่างประเทศออสเตรเลียกล่าวว่าเธอเข้าใจความผิดหวังของฝรั่งเศส และหวังว่าจะได้ชี้แจงกับฝรั่งเศส
การเรียกคืนเอกอัครราชทูตกลับประเทศ ถือเป็นเรื่องผิดปกติอย่างมากระหว่างพันธมิตร และยังเป็นครั้งแรกที่ฝรั่งเศสเรียกคืนทูตจากทั้งสองประเทศ นอกจากนี้ นักการทูตชาวฝรั่งเศสในวอชิงตันยังยกเลิกงานกาล่าเพื่อเฉลิมฉลองความสัมพันธ์ระหว่างสหรัฐฯ และฝรั่งเศส ในคืนวันศุกร์ (17 ก.ย.) ด้วย
....
#ฝรั่งเศส
#ออสเตรเลีย
#สหรัฐอเมริกา
#สหราชอาณาจักร
#เรือดำน้ำพลังงานนิวเคลียร์