ดร.สุภัทร จำปาทอง ปลัดกระทรวงศึกษาธิการ กล่าวถึงแนวทางการฉีดวัคซีนโควิด-19 ของไฟเซอร์ ให้กับนักเรียน นักศึกษา อายุ 12-18 ปี ว่า จากระบบของโรงเรียนในสังกัดสำนักงานคณะกรรมการการศึกษาขั้นพื้นฐาน (สพฐ.) และสังกัดสำนักงานคณะกรรมการการอาชีวศึกษา (สอศ.) สำนักงานคณะกรรมการส่งเสริมการศึกษาเอกชน (สช.) และสังกัดอื่น ๆ รวมแล้วมีนักเรียน นักศึกษาประมาณ 4,350,000 คน ซึ่งจากการประสานกับกระทรวงสาธารณสุข (สธ.) ทราบว่าวัคซีนไฟเซอร์จะทยอยเข้ามาปลายเดือนกันยายนนี้ 2 ล้านโดส และเดือนตุลาคม 8 ล้านโดส จึงมีวัคซีนเพียงพอที่จะฉีดให้กับเด็กนักเรียน นักศึกษา
ทั้งนี้ กรมควบคุมโรคได้เตรียมแผนกระจายวัคซีนไปยัง 76 จังหวัด และกรุงเทพฯ โดยแต่ละจังหวัดจะมีการวางแผนกระจายการฉีดวัคซีนภายในจังหวัดของตัวเอง โดยมีผู้ว่าราชการจังหวัด และคณะกรรมการควบคุมโรคจังหวัดเป็นผู้พิจารณา เพื่อไปฉีดวัคซีนให้ที่โรงเรียน แต่หากโรงเรียนไม่สะดวก จะขอใช้สถานที่ของมหาวิทยาลัยในจังหวัดนั้น ๆ ในการจัดการ
ระหว่างนี้ จะเป็นการจัดเตรียมข้อมูลต่าง ๆ ของนักเรียน นักศึกษาก่อนส่งให้กับกระทรวงสาธารณสุข มีการกลั่นกรองข้อมูลให้ถูกต้อง ครบถ้วนสมบูรณ์ เพื่อวางแผนการฉีดวัคซีนภายในจังหวัดให้เกิดความเรียบร้อยต่อไป สำหรับไทม์ไลน์การดำเนินงาน
ในระหว่างนี้จนถึงวันที่ 17 ก.ย. จะเป็นการจัดทำรายชื่อและจำนวนนักเรียน พร้อมไปกับการทำความเข้าใจเกี่ยวกับการฉีดวัคซีนให้เด็กให้ผู้ปกครองเข้าใจ และอาจจะมีการจัดประชุมทำความเข้าใจเป็นกลุ่มย่อยอีกครั้งในระหว่างวันที่ 17-22 ก.ย.
วันที่ 22-24 ก.ย.แต่ละโรงเรียนจะเชิญผู้ปกครองลงนามยินยอมให้นักเรียนเข้ารับการฉีดวัคซีน
วันที่ 25 ก.ย.แต่ละสถานศึกษาส่งบัญชีรายชื่อนักเรียนที่จะเข้ารับการฉีด
วันที่ 26 ก.ย.สรุปจำนวนตัวเลขนักเรียน นักศึกษาที่จะเข้ารับการฉีดในทุกจังหวัด
วันที่ 28-30 ก.ย. สาธารณสุขจังหวัดวางแผนการรับวัคซีนและกำหนดการฉีดวัคซีนรายโรงเรียน
วันที่ 1 ต.ค.สถานศึกษารับทราบแผนและเตรียมสถานที่ในการจัดฉีด
วันที่ 4 ต.ค. เริ่มการฉีดแก่นักเรียน โดยเข็มที่ 1 และเข็มที่ 2 จะเว้นระยะห่างประมาณ 3 สัปดาห์ ซึ่งหากเป็นไปตามแผนที่วางไว้ก็จะทันเปิดเทอม 2 ปีการศึกษา 2564 ในเดือน พ.ย.
..
#วัคซีนโควิด
#วัคซีนเด็ก