นายอนุทิน ชาญวีรกูล รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุข (สธ.) เปิดเผยว่า การประชุม ศบค. วันที่ 10 ก.ย. นี้ เตรียมพิจารณาเรื่องการผ่อนคลายมาตรการว่าสามารถทำในจุดใดได้บ้าง รวมถึงการนำเข้าวัคซีนไฟเซอร์ ส่วนหนึ่งมาจากการฉีดวัคซีนในเด็กอายุ 12 ปีขึ้นไปได้ แต่ต้องให้ทีมแพทย์ผู้เชี่ยวชาญพิจารณาร่วมด้วย ส่วนตัวยังไม่อยากออกความเห็น แต่ต้องการให้ฉีดให้ครบทั้งพ่อแม่ ผู้ปกครอง นักเรียนจะได้สบายใจในการเปิดเรียน เนื่องจากจะเรียนออนไลน์ต่อไปเรื่อย ๆ เป็นปี ๆ เช่นนี้ทำไม่ได้
ส่วนกรณีการเปิดประเทศยังต้องดูสถานการณ์โดยรวม ทั้งในแง่อัตราการฉีดวัคซีน อาทิ ภูเก็ตแซนด์บ็อกซ์ ซึ่งเห็นได้ชัดว่า เกิดการระบาดแต่ไม่พบป่วยหนักหรือเสียชีวิต
นอกจากนั้น ได้ให้นโยบายไปในที่ประชมผู้บริหาร สธ.ว่า ภูเก็ตแซนด์บ็อกซ์ เปรียบเสมือนสถานที่พักกักตัวของชาวต่างชาติในประเทศไทย ต้องทำให้มีความปลอดภัยสูงสุด จึงจะมีการพิจารณาการฉีดบูสเตอร์โดสเข็มที่ 3 วัคซีนแอสตร้าเซนเนก้า ให้แก่กลุ่มที่ต้องสัมผัสกับคนต่างประเทศ ซึ่งปัจจุบันวัคซีนในประเทศถือว่ามีมากพอแล้ว ต้องหาวิธีบริหารจัดการให้อย่างมีประสิทธิภาพ อย่างที่ทราบว่าวัคซีนมีประสิทธิภาพเพียง 6 เดือน ต้องเร่งฉีด ส่วนจำนวนเท่าไรนั้น ต้องให้ทางอธิบดีกรมควบคุมโรคตอบ เนื่องจากเป็นผู้ปฏิบัติงานจริง รัฐมนตรีดูแค่ในระดับนโยบายเท่านั้น
ส่วนกรณีประชาชนทั่วไปที่ฉีดซิโนแวค 2 เข็ม คงต้องเริ่มทยอยฉีดเข็ม 3 เพื่อกระตุ้นภูมิคุ้มกัน คาดว่า ในต้นเดือนหน้าที่มีแอสตร้าฯ เพียงพอแล้ว จะเริ่มฉีด 3 ล้านคน และในสิ้นปี 64 คิดว่าสถานการณ์ทุกอย่างจะดีขึ้น
สำหรับประเด็นการยกเลิก พ.ร.ก.ฉุกเฉินฯ นายอนุทิน กล่าวว่า ยังไม่มีการพูดเรื่องนี้ แต่ สธ. พร้อมในเรื่องการรักษา ป้องกัน ส่วนการยกเลิก สธ. ยังไม่ทราบเรื่องนี้
#โควิด19
#บูสเตอร์โดส