รอยเตอร์รายงานว่า กลุ่ม 20 ประเทศที่มีฐานะร่ำรวย(กลุ่มจี-20)ซึ่งมีอิตาลีเป็นประธานกลุ่มประจำปีนี้ จัดประชุมรัฐมนตรีสาธารณสุขผ่านระบบวิดีโอคอนเฟอเรนซ์ นายโรแบร์โต สเปอแรนซา รัฐมนตรีสาธารณสุขอิตาลี เปิดเผยผลการประชุมว่า กลุ่มจี-20 เห็นพ้องกันว่า จุดยืนของกลุ่มจี-20 คือ จะไม่ทิ้งประเทศใดไว้ข้างหลัง ในการเข้าถึงวัคซีน โดยกลุ่มประเทศที่ร่ำรวย ควรจะเพิ่มความพยายาม เช่น การลงทุนผลิตวัคซีนและช่วยเหลือด้านวัคซีน ให้กับประเทศยากจน เช่น บริจาควัคซีนให้กับโครงการกระจายวัคซีนทั่วโลก(Covax)ขององค์การอนามัยโลก(WHO)ให้มากขึ้น
นายสเปอแรนซา ยอมรับว่า การบริจาควัคซีน ช่วยเหลือกลุ่มประเทศยากจน เป็นเพียงแนวทางการแก้ปัญหาเฉพาะหน้า ไม่ใช่แนวทางการแก้ไขปัญหาอย่างยั่งยืน และในอนาคต ประเทศที่ร่ำรวยที่เป็นเจ้าของเทคโนโลยีการผลิตวัคซีนจะต้องปรับเปลี่ยนวิธีช่วยเหลือประเทศยากจน เช่น การถ่ายทอดเทคโนโลยีการผลิตวัคซีน ซึ่งจะช่วยให้ประเทศยากจนพึ่งพาตนเอง ในการผลิตวัคซีนในระยะยาว
ปัจจุบัน ระดับการฉีดวัคซีนระหว่างกลุ่มประเทศร่ำรวยกับกลุ่มประเทศที่ยากจนเหลื่อมล้ำกันในอัตราที่สูงมาก กระทบการควบคุมการแพร่ระบาดได้ในระยะยาว
แต่ผู้สังเกตการณ์มองว่า กลุ่มจี-20 ไม่ระบุตัวเลขที่ชัดเจนว่า พวกเขาจะบริจาควัคซีนหรือให้การช่วยเหลือทางการเงินเป็นจำนวนเท่าใด ทั้งกล่าวหากลุ่มประเทศร่ำรวยส่วนใหญ่กักตุนวัคซีนไว้เกิน จำนวนประชากร ขณะที่ประเทศด้อยพัฒนาส่วนใหญ่มีอัตราการฉีดวัคซีนต่ำมาก พบผู้ป่วยใหม่เพิ่มขึ้น หลายประเทศยังไม่ได้ฉีดวัคซีนให้กับประชาชนแม้แต่เข็มเดียว
สำหรับกลุ่มจี-20 ประกอบด้วย อังกฤษ, แคนาดา, ฝรั่งเศส, อิตาลี, ญี่ปุ่น, เยอรมนี, รัสเซีย, สหรัฐ, สหภาพยุโรป, อาร์เจนตินา, ออสเตรเลีย, บราซิล, จีน, อินเดีย, อินโดนีเซีย, เม็กซิโก, ซาอุดีอาระเบีย, แอฟริกาใต้, เกาหลีใต้ และตุรกี
#อิตาลี
#กลุ่มจี-20
#วัคซีนโครงการ Covax