รายงานผู้ฉีดวัคซีนโควิด-19 แล้ว 4 เข็ม ยังมีการติดเชื้อ นพ.สมศักดิ์ อรรฆศิลป์ อธิบดีกรมการแพทย์ย้ำว่า การฉีดวัคซีนไม่ได้ป้องกันการติดเชื้อ 100% ฉีดวัคซีนแล้วยังสามารถติดได้ หากยังมีพฤติกรรมเสี่ยง มีการพบปะ พูดคุยกับผู้ที่มีเชื้อโดยไม่มีการป้องกัน ไม่ระวังตัว และยังขึ้นกับปริมาณเชื้อที่ได้รับด้วย ดังนั้น หากไม่ป้องกันตัวเองก็มีโอกาสที่จะติดเชื้อ แต่ความสำคัญของการฉีดวัคซีน คือ สามารถป้องกันการอาการหนักและเสียชีวิต
“ไม่ว่าจะฉีดวัคซีนกี่เข็มก็ตาม จะฉีดไปแล้ว 10 เข็มก็ยังติดเชื้อได้ สิ่งสำคัญที่จะช่วยป้องกันการติดเชื้อได้ดี คือ นอกจากฉีดวัคซีนแล้ว ยังต้องคงมาตรการควบคุมป้องกันโรคส่วนบุคคลอย่างเข้มข้น ทั้งการสวมหน้ากากอนามัย เว้นระยะห่าง ล้างมือบ่อยๆ หลีกเลี่ยงไปที่ที่คนอยู่มาก
ส่วนการระบาดของโควิดสายพันธุ์ใหม่ อาทิ มิว (MU) ซึ่งอาจดื้อวัคซีน และหลีกเลี่ยงภูมิคุ้มกันได้ดีขึ้นนั้น อธิบดีกรมการแพทย์กล่าวว่า ขณะนี้สำหรับส่วนของยารักษา ในต่างประเทศเริ่มทำการวิจัยยาหลายตัวเข้าระยะที่ 2-3 แล้ว และภายใน ก.ย.-พ.ย. นี้ อาจได้ผลก็เป็นได้
นอกจากนั้น กระทรวงสาธารณสุขได้หารือกับบริษัทผู้แทนยาในต่างประเทศเสมอ ไม่ว่าจะเป็นยาโมลนูพิราเวียร์ (Molnupiravir) ของบริษัท เอ็มเอสดี (MSD), ยาโปรตีเอส อินฮิบิเตอร์ (Protease Inhibitor) ของ บริษัท ไฟเซอร์ โดยได้พูดคุยเจรจาว่า หากทดลองในระยะที่ 3 ได้ผลดี มีการขึ้นทะเบียนถูกต้อง จะรีบนำมาใช้ในอนาคต
ส่วนการศึกษาในประเทศไทย ทั้งโรงเรียนแพทย์ กทม. กรมการแพทย์ ก็ได้แบ่งหน้าที่กันประเมิน เช่น ยาฟาวิพิราเวียร์ ฟ้าทะลายโจร หรืออื่น ๆ ที่ใช้กันอยู่ โดยผลศึกษาวิจัยจะทยอยออกมาภายใน 1-2 เดือนนี้
ส่วนความคืบหน้าในการจัดหายารักษาโรคโควิด-19 นายแพทย์สมศักดิ์ระบุว่า จากการศึกษาวิจัยการใช้ไอเวอร์เม็กติน (ยาถ่ายพยาธิในสัตว์) ในต่างประเทศ พบว่า ไม่ได้ผล และไม่ได้มีคำแนะนำให้ใช้
ส่วนการศึกษาใน รพ.ศิริราช ก็ยังไม่สิ้นสุด แต่ในส่วนยา โมลนูพิราเวียร์ ยังอยู่ในระหว่างการศึกษาทดลองระยะ 3 และขอขึ้นทะเบียนยาขององค์การอาหารและยา (FDA) ของสหรัฐอเมริกา (USA) หากสำเร็จ ก็คาดว่าจะมีการขึ้นทะเบียนในเดือนตุลาคมนี้ และหากสำเร็จก็จะมีการขึ้นทะเบียนในไทยได้ในราวเดือนพฤศจิกายนนี้
ทั้งนี้ ยาโมลนูพิราเวียร์ เป็นยาตระกูลเดียวกับฟาวิพิราเวียร์ มีสรรพคุณยับยั้งการแบ่งตัวของไวรัสในชั้นเซลล์ เหมาะกับการใช้รักษาในผู้ป่วยที่ไม่มีอาการรุนแรง
หากการทดลองยานี้สำเร็จ ก็จะนำมาทดแทนยาฟาวิพิราเวียร์ สำหรับขนาดการใช้อยู่ที่ 40 เม็ด รับประทานต่อเนื่อง 5 วัน จากเดิมยาฟาวิพิราเวียร์ใช้ 50 เม็ด รับประทานต่อเนื่อง 5 วัน ส่วนยาโปรตีเอสฯ ซึ่งเป็นยาของบริษัท ไฟเซอร์ ยังอยู่ระหว่างการศึกษาวิจัย
#โควิด-19
#วัคซีนไม่ได้ป้องกันติดเชื้อ