พญ.อภิสมัย ศรีรังสรรค์ ผู้ช่วยโฆษกศูนย์บริหารสถานการณ์การติดเชื้อโควิด-19 (ศบค.) เปิดเผยว่า หากทุกฝ่ายช่วยกันลดตัวเลขผู้ติดเชื้อโควิด-19 รายใหม่ลงภายใน14 วันต่อจากนี้จะสามารถผ่อนคลายมาตรการอื่นๆเพิ่มเติมได้อย่างแน่นอน เชื่อว่า ไม่มีใครที่จะกลับไปปิดกิจการอีก
การผ่อนคลายตามข้อบังคับที่ 32 ให้กิจการต่างๆ เปิดได้ เช่น ร้านอาหาร สามารถนั่งทานได้เริ่มต้นในวันนี้วันแรกในพื้นที่ 29 จังหวัดสีแดงเข้ม ในช่วงแรกจะเป็นการใช้มาตรการ Smart Control and Living with Covid-19 หรือ การควบคุมโรคแนวใหม่ที่สมดุลกับการดำเนินชีวิตที่ปลอดภัยจากโควิด-19 แบบค่อยเป็นค่อยไป เพื่อเป็นแนวทางในการออกข้อปฎิบัติที่จะเริ่มใช้ในวันที่ 1 ต.ค.64 เพื่อนำไปสู่การฟื้นเศรษฐกิจอย่างปลอดภัย
ในที่ประชุม ศบค.ชุดเล็ก จ.เพชรบูรณ์ เสนอว่าพื้นที่ที่พร้อมดำเนินการตามมาตรการ เช่น อ.เขาค้อ และภูทับเบิก ขอให้ร้านอาหาร สถานที่ท่องเที่ยวที่พร้อมดำเนินการ ทำได้เลย ขณะที่คณะกรรมการโรคติดต่อระดับจังหวัดสามารถปรับแนวทางควบคุมโรคได้ตามสถานการณ์ที่เหมาะสม
ร้านอาหารหรือกิจการที่มีความพร้อม สามารถขึ้นป้ายเป็นตัวอย่างได้เลย เช่น ร้านนี้ พนักงานฉีดวัคซีนครบแล้ว หรือ ตรวจหาเชื้อแล้วผลเป็นลบ เป็นต้น ซึ่งเรื่องการตรวจหาเชื้อด้วยชุดตรวจ Antigen Test Kit (ATK) นายกฯ กำชับให้หามาตรการที่ให้ประชาชนเข้าถึงชุดตรวจ ATK ได้อย่างทั่วถึง ซึ่งเรื่องนี้ กระทรวงการคลัง สำนักงานคณะกรรมการพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ(สศช.) อยู่ระหว่างหามาตรการเพิ่มเติม ให้ประชาชนเดือดร้อนน้อยที่สุด
ที่ประชุมได้ปรับให้ร้านเสริมสวย เพิ่มเวลาในร้านได้เป็น 2 ชั่วโมง ยังไม่อนุญาตให้ร้านอาหาร แสดงหรือเล่นดนตรีได้ เนื่องจาก ต้องการให้ทานอาหารเสร็จแล้วรีบกลับ หากมีดนตรีจะใช้ระยะเวลานานและมีการถอดหน้ากากอนามัยนาน อย่างไรก็ตาม กิจกรรมหรือกิจการที่รอได้ ไม่รีบ ให้รอก่อนให้ผ่าน 14 วันนี้ไปก่อน
ด้าน นพ.สุวรรณชัย วัฒนายิ่งเจริญชัย อธิบดีกรมอนามัย ขอให้ผู้ปกครองประเมินความเสี่ยงหากจะนำเด็กเล็กเข้าไปนั่งทานอาหารในร้าน แต่เพื่อความปลอดภัยและหลีกเลี่ยงความเสี่ยงก็สั่งอาหารกลับไปทานที่บ้าน