ศาสตราจารย์ ทิม สเปคเตอร์ ผู้นำโครงการวิจัยเกี่ยวกับวัคซีนของอังกฤษ ชื่อ โซอี โควิด ซิมป์เทิม (Zoe Covid Symptom)เปิดเผยว่า นักวิจัยพบว่า ภูมิคุ้มกันโรคโควิด-19 จะค่อยๆลดลง 4-5 เดือน หลังรับวัคซีนเข็มที่ 2 คาดว่าประสิทธิภาพวัคซีนอาจจะลดมาที่ร้อยละ 50 ในช่วงฤดูหนาวปลายปีนี้ พร้อมทั้งเห็นว่าการฉีดวัคซีนเข็มที่ 3 เพื่อเพิ่มภูมิคุ้มกันเป็นเรื่องที่มีความจำเป็น
ทั้งนี้ อังกฤษ มีแผนจะเริ่มต้นฉีดวัคซีนเข็มที่ 3 ให้ก้บประชาชนในเดือนหน้า แต่รอการอนุมัติจากคณะกรรมการอิสระที่เรียกว่า JCVI ซึ่งอยู่ระหว่างตรวจสอบข้อมูลต่างๆให้เสร็จก่อน
การวิจัยครั้งนี้รวบรวมข้อมูลโดยการตรวจโรคแบบRT- PCR ให้กับ 400,000 คนจากกลุ่มประชากรกว่า 1,000,000 คนที่รับวัคซีนครบ 2 เข็มแล้ว ไม่ว่าจะเป็นวัคซีนไฟเซอร์จากสหรัฐฯหรือวัคซีนแอสตร้าเซนเนก้าจากอังกฤษ ทีมวิจัยพบว่า ภูมิคุ้มกันโรคโควิด-19 ภายหลังรับวัคซีนไฟเซอร์เข็มที่ 2 จะลดจากร้อยละ 88 ในเดือนแรกมาอยู่ที่ร้อยละ 74 ในเดือนที่ 4 ถึงเดือนที่ 5
สำหรับวัคซีนแอสตร้าเซนเนก้า ภูมิคุ้มกันโรคโควิด-19 จะลดจากร้อยละ 77 มาอยู่ที่ร้อยละ 67 ในช่วง 4-5 เดือน หลังรับวัคซีนเข็มที่สอง
นอกจากนี้ แม้ว่ามีคนไข้บางคนที่รับวัคซีนครบโดสแล้วกลับมาติดโรคโควิด-19 ในภายหลัง แต่ผู้เชี่ยวชาญส่วนใหญ่แนะนำว่า วัคซีนยังคงมีประสิทธิภาพในแง่ของการป้องกันการเจ็บป่วยรุนแรงและลดอัตราการเสียชีวิต
สำนักงานสาธารณสุขอังกฤษ ระบุว่า วัคซีนช่วยรักษาผู้ป่วยที่อาการรุนแรง 84,600 คนไม่ให้เสียชีวิตและช่วยรักษาคนไข้ 23 ล้านคนไม่ให้ทรุดหนัก ย้ำว่า การที่ประสิทธิภาพของวัคซีนลดลงไม่ใช่เหตุผลที่ประชาชนจะอ้างเพื่อไม่ไปรับวัคซีน
Cr: bbc