*ความเคลื่อนไหวเมืองไทยวันนี้ 07.30 น.
+++ท่าทีของ นายกรัฐมนตรีไทยต่อปฎิกริยาของสหรัฐที่ยังไม่เข้าใจสถานการณ์การเมืองในประเทศไทย พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและหัวหน้าคณะรักษาความสงบแห่งชาติ (คสช.) กล่าวถึงกรณีรัฐบาลสหรัฐแสดงความกังวลต่อบทสัมภาษณ์ของ พล.อ.ประยุทธ์ กับสื่อญี่ปุ่น ที่ระบุว่าหากบ้านเมืองเกิดความไม่เรียบร้อย ทหารจะกลับมาอีก ว่า "ชี้แจงหมดทุกอย่าง ชี้แจงไปหมดแล้ว ไม่ต้องกังวล ส่วนที่สหรัฐไม่เข้าใจก็เป็นเรื่องของเขา เมื่อไม่เข้าใจก็ เป็นเรื่องของท่าน สิ่งที่ผมบอกและอธิบายคือไม่ได้อยู่ที่ผมหรือ คสช.หรือรัฐบาลวันนี้ แต่อยู่ที่ประชาชนคนไทยทั้งประเทศและต่างประเทศก็ต้องเข้าใจ ให้โอกาสประเทศไทยเดินหน้าประเทศให้มีอนาคตอย่างยั่งยืน และติดต่อการค้ากันโดยสงบ มีเสถียรภาพ ไม่มีความขัดแย้งทางการเมือง สิ่งที่ผมกังวลขณะนี้คือ หากเกิดเหตุความไม่สงบหรือเกิดอันตรายกับใครขึ้นมาสักข้างหนึ่ง ใครจะมารับผิดชอบจะกลับมาที่รัฐบาล ไม่ว่าจะเป็นพวกไหนก็ตามก็ต้องดูแล อาจจะมากบ้างน้อยบ้างก็ขออย่าเอาเรื่องความขัดแย้งมาปนกันตรงนี้ ยืนยันว่าให้ความเป็นธรรมกับทุกคน
+++ส่วนกรณี ของ น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี อยู่ในกระบวนการยุติธรรม บางครั้งอยากให้ทุกอย่างสงบบ้าง น.ส.ยิ่งลักษณ์จะไปกินก๋วยเตี๋ยวหรือไปไหนก็ปล่อยให้ไป เมื่อไหร่ที่ไม่ให้ไป ไม่ให้กิน ก็กินไม่ได้ ถ้าถูกก็กลับมาเป็นรัฐบาล ส่วนนายสมชาย วงศ์สวัสดิ์ อดีตนายกรัฐมนตรี กล่าวว่า เพียงข่าวมั่วๆ ที่ไม่สร้างสรรค์ ตนได้พูดคุยกับ น.ส.ยิ่งลักษณ์แล้ว ยืนยันว่าไม่คิดจะหลบหนีหรือลี้ภัยไปที่ไหนอย่างแน่นอน และพร้อมต่อสู้คดี ขณะนี้ทางทีมทนายความเตรียมข้อมูลกันอย่างเต็มที่
+++ด้าน นายนรวิชญ์ หล้าแหล่ง ทีมทนายความ น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี เดินทางเข้ายื่นหนังสือขอความเป็นธรรมต่ออัยการสูงสุดเพื่อให้ทบทวนการสั่งฟ้องในคดีทุจริตโครงการรับจำนำข้าว โดยมีนายกิตินันท์ ธัชประมุข รองอธิบดีอัยการสำนักงานการสอบสวน เป็นตัวแทนผู้รับหนังสือ พร้อมยืนยันว่า ในวันที่ 19 กุมภาพันธ์นี้ จะมีการยื่นฟ้อง น.ส.ยิ่งลักษณ์ต่อศาลฎีกาแผนกคดีอาญาของผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมืองอย่างแน่นอน แม้ น.ส.ยิ่งลักษณ์จะไม่เดินทางมาตามที่ ป.ป.ช.นัดหมายก็ตาม เมื่อถามว่า คสช.ระบุว่าอัยการสูงสุดทำหนังสือไม่ให้ น.ส.ยิ่งลักษณ์เดินทางออกนอกประเทศ นายกิตินันท์กล่าวว่า หนังสือออกจากทางอัยการสูงสุดจริง แต่ทาง คสช.ได้มาหารือว่าควรให้เดินทางออกไปต่างประเทศหรือไม่ ซึ่งอัยการสูงสุดได้ทำหนังสือตอบกลับไปแล้ว
++++ส่วนนายบุญทรง เตริยาภิรมย์ อดีตรัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์ ไม่หนักใจ หลัง ป.ป.ช.เตรียมส่งเรื่องให้อัยการสูงสุดฟ้องต่อศาลฎีกาแผนกคดีอาญาของผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมืองคดีทุจริตรับจำนำข้าวในวันที่ 16 กุมภาพันธ์ พร้อมชี้แจงข้อเท็จจริงตามพยานหลักฐาน และสู้คดีถึงที่สุด โดยไม่หลบหนีหรือขอลี้ภัยไปต่างประเทศ เพราะเชื่อมั่นในความบริสุทธิ์
+++นายสมชาย วงศ์สวัสดิ์ อดีตนายกรัฐมนตรี กล่าวกรณีที่ศาลฎีกามีคำสั่งประทับรับฟ้องคดีที่คณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (ป.ป.ช.) ฟ้องคดีสลายการชุมนุมกลุ่มพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตย เมื่อปี 2551 ว่า พร้อมจะเข้าสู่กระบวนการยุติธรรมและมีพยานหลักฐานที่จะยืนยันความบริสุทธิ์ ขอตั้งข้อสังเกตว่าการที่ ป.ป.ช. มาฟ้องคดี หากเทียบกับคดีที่มีการสลายการชุมนุมเมื่อปี พ.ศ.2553 ที่มีข้อพิจารณาต่อตัวผู้ถูกกล่าวหาในคดีแตกต่างจากคดีของตนจึงขอให้สังคมได้โปรดช่วยกันตรวจสอบ ขอเรียกร้องทุกฝ่ายยุติการชี้นำคดีนี้ปล่อยให้ศาลพิจารณาและพิพากษาคดีไป ตามขั้นตอนและกระบวนการของกฎหมายต่อไป
++++ นพ.เจตน์ ศิรธรานนท์ สมาชิกสภานิติบัญญัติแห่งชาติ (สนช.) และโฆษกวิป สนช.ระบุว่าพล.ต.อ.พัชรวาท วงษ์สุวรรณ สนช. ยังสามารถปฏิบัติหน้าที่ สนช.ได้ตามปกติ เพราะขณะนี้ไม่ได้ทำหน้าที่ ผบ.ตร.ตามที่จุดมุ่งหมายของกฎหมายต้องการไม่ให้ จำเลยใช้ตำแหน่งหน้าที่หรือกระทำการอันใดอันอาจเป็นอุปสรรคในการดำเนินคดี และตำแหน่งของ สนช. ไม่สามารถไปก้าวก่ายในคดีดังกล่าวได้
+++นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ หัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ กล่าวว่า ถ้าจะเปรียบเทียบเหตุการณ์การใช้อำนาจในปี'51 กับการใช้อำนาจในปี'53 สรุปสั้นๆ ว่าต่างกันเยอะ เพราะการทำงานของปี'51 ไม่มีขั้นตอนเลย เพราะไม่ได้ประกาศภาวะฉุกเฉินไม่ได้มีการประกาศใช้กฎหมายพิเศษห้ามชุมนุม ส่วนการทำงานปี'53 มีการประกาศภาวะฉุกเฉิน และการชุมนุมเมื่อปี'51 ยังไม่มีการเอาเรื่องไปศาล แต่การชุมนุมปี'53 นั้นไปศาลและชี้แล้วว่าเป็นการชุมนุมที่เกินขอบเขตของรัฐธรรมนูญ และประเด็นถัดมาที่สำคัญมากคือ การจะสลายการชุมนุม รัฐบาลขณะนั้นพูดถึงหลักสากลกรณีปี'51 ผู้ชุมนุมไม่มีการใช้อาวุธ แต่ในปี'53 ปัญหาที่เกิดขึ้นจนเกิดความสูญเสียเพราะมีผู้ใช้อาวุธแฝงอยู่กับผู้ชุมนุมเพราะฉะนั้นเป็นเรื่องที่ต่างกัน
++++ นายศุภชัย สมเจริญ ประธานคณะกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) กล่าวว่า อยากเรียกร้องให้คณะกรรมาธิการ (กมธ.) ยกร่างรัฐธรรมนูญ ทบทวนเนื้อหาร่างรัฐธรรมนูญที่กำหนดให้มีคณะกรรมการดำเนินการจัดการเลือกตั้ง (กจต.) ขึ้นมาจัดเลือกตั้งแทน กกต. เพราะจะส่งผลกระทบต่อระยะเวลาในการจัดการเลือกตั้งปี 2559 แน่นอน หากใช้โครงสร้างเดิม กกต.จัดการเลือกตั้งได้ในต้นปี 2559 ตามโรดแมป คสช. ขอยืนยันว่าการออกมาท้วงติงเรื่องนี้ไม่ใช่เพราะหวงอำนาจ
+++วันนี้ ต้องติดตาม หลังตำรวจจับกุม นายกัณฑ์เอนก ปัจฉิมสวัสดิ์ เสพไอซ์ พร้อมของกลางยาไอซ์ 1.07 กรัมและอุปกรณ์เสพยาจำนวนหนึ่ง โดยจับกุมได้ที่โรงแรมแห่งหนึ่งย่านห้วยขวางจากการสอบสวนนายกัณฑ์อเนกผู้ต้องหา ให้การรับสารภาพตลอดข้อกล่าวหา จึงแจ้งข้อกล่าวหาว่า ครอบครองยาเสพติดประเภท1(ยาไอซ์) เพื่อจำหน่าย และเสพยาเสพติดประเภท 1 (ยาไอซ์) นายกัณฑ์อเนกเคยตกเป็นข่าวโด่งดังจากคดี นายกัณฑ์พิทักษ์ ปัจฉิมสวัสดิ์ หรือ"หมูแฮม" ผู้เป็นบุตรชาย เกิดบันดาลโทสะนำก้อนหินทุ่มใส่พนักงานขับรถโดยสารประจำทางสาย 513 ปากน้ำ-รังสิต และก่อเหตุขับรถเบนซ์ สีดำ พุ่งชนเข้าไปในป้ายหยุดรถโดยสารประจำทางบนถนนสุขุมวิทที่มีประชาชนยืนรอรถอยู่จำนวนมาก ทำให้มีผู้ได้บาดเจ็บหลายราย และมีผู้เสียชีวิตซึ่งเป็นพนักงานเก็บเงินค่าโดยสาร 1 ราย เหตุเกิดเมื่อวันที่ 4 ก.ค.2550
++++ปิดท้าย นพ.โสภณ เมฆธน อธิบดีกรมควบคุมโรค เปิดเผยว่า ผลสำรวจ ดีดีซีโพล ของกรมควบคุมโรค พบว่า ประชาชนมีความรู้ในการใช้ถุงยางอนามัยป้องกันโรคติดต่อทางเพศสัมพันธ์ 76.8% ลดลงจากปี 2557 กว่า 10% และพบว่า กลุ่มตัวอย่างมีการใช้ถุงยางอนามัยทุกครั้งที่มีเพศสัมพันธ์ 56.9% และใช้บางครั้ง 35.7% ไม่ใช้เลย 7.3% ส่วนด้านการป้องกันพบว่า 60% เห็นด้วยกับการตั้งตู้ถุงยางอนามัยฟรีในห้องน้ำนักเรียนม.ต้นขึ้นไป นอกจากนี้ ยังะบว่า กลุ่มตัวอย่างเลือกซื้อถุงยางอนามัยจากร้านสะดวกซื้อมากเป็นอันดับ 1 66.5% แต่มากกว่า 43.6% ยังรู้สึกเขินอายต่อการเลือกซื้อถุงยางอนามัยในร้านสะดวกซื้อและร้านขายยา ในปีงบประมาณ 2558 กรมควบคุมโรคได้จัดงบประมาณ 47 ล้านบาท ซื้อถุงยางอนามัยขนาดที่เหมาะสมกับคนไทยจำนวน 43 ล้านชิ้น โดยครึ่งหนึ่งเป็นขนาด 52 มิลลิเมตร ซึ่งใช้มากที่สุด แจกฟรีแก่ประชาชนทั่วประเทศ เพื่อให้สอดคล้องกับความต้องการของประชาชนที่ต้องการสูงถึงเกือบ 270 ล้านชิ้นต่อปี
++++ปัญหาที่พบบ่อยครั้งคือ การเลือกถุงยางอนามัยขนาดที่ไม่เหมาะสม มักจะเลือกขนาดใหญ่กว่าตนเอง เพราะมีทัศนคติกลัวถูกเหยียดหยามจากเพื่อนว่าขนาดอวัยวะเพศเล็ก ไม่สมศักดิ์ศรีความเป็นชาย เกิดปัญหาถุงยางอนามัยหลุด หลวมมีความเสี่ยงติดโรคทางเพศสัมพันธ์หรือตั้งครรภ์ได้ง่ายขึ้น เพื่อเป็นการป้องกันโรคติดต่อทางเพศสัมพันธ์ สามารถเลือกปฏิบัติได้ เช่นการมีเพศสัมพันธ์อย่างปลอดภัย ใช้ถุงยางอนามัยทุกครั้งกับทุกคนและทุกช่องทางที่มีเพศสัมพันธ์ ควรพกถุงยางอนามัยไว้เสมอ การหลีกเลี่ยงคือ เลี่ยงสถานการณ์หรือโอกาสเสี่ยงต่อการมีเพศสัมพันธ์ที่ไม่ปลอดภัยเช่นไม่อยู่สองต่อสอง ไม่ดื่มแอลกอฮอล์ ไม่เสพยาเสพติด ไม่ดูสื่อลามก และไปพบแพทย์ เมื่อผู้ชายมีอาการปัสสาวะแสบขัดหรือมีหนองไหลออกมา เจ็บปวดอวัยวะเพศ ส่วนผู้หญิงมีอาการตกขาวผิดปกติหรือมีสีเหลือง กลิ่นเหม็น เจ็บ เสียวท้องน้อย เพื่อรับการรักษาที่ถูกต้อง
++++ข้อมูลของสำนักระบาดวิทยา กรมควบคุมโรค ปี 2557 พบว่า อัตราการป่วยจากโรคติดต่อทางเพศสัมพันธ์ ได้แก่ โรคหนองใน ซิฟิลิส หนองในเทียม แผลริมอ่อน และกามโรคของต่อมและท่อน้ำเหลืองทั่วประเทศมีแนวโน้มเพิ่มขึ้นจาก 35.89 ต่อประชากรแสนคน ในปี 2552 เพิ่มเป็น 52.69 ต่อแสนประชากร ในปี 2557 และที่น่าตกใจพบว่าในรอบ 10 ปีตั้งแต่ปี 2548-2557 วัยรุ่นอายุ 10-19 ปี ติดกามโรคเพิ่มสูงขึ้นอย่างมาก เกือบ 5 เท่าตัว จาก 7.53 เป็น 34.50 ต่อประชากรแสน ในกลุ่มอายุ 20-29 ปี เพิ่มขึ้นเกือบ 2 เท่าตัวเช่นกัน จาก 26.66 เป็น 42.73 ต่อประชากรแสน คาดว่าในอีก 3 ปีข้างหน้าจะมีผู้ป่วยโรคติดต่อทางเพศสัมพันธ์ใน 2 กลุ่มอายุนี้ รวม 21,137 คน เหตุเนื่องจากใช้ถุงยางอนามัยน้อยลง ผลสำรวจในปี 2556 วัยรุ่นชายใช้เพียง 36.2% วัยรุ่นหญิงใช้ 27.9% ขณะที่ในปี 2553 ผู้ชายใช้ 43.3% ผู้หญิงใช้ 30.7%